ธุลีดิน พากษ์ไทย
II
ตอนที่แอนดี้มาชอว์แช็งค์ในปี 1948 เขาอายุสามสิบ ตัวเล็กดูเนี้ยบเนียนผมสีทราย
มือไม้บอบบางสะอาดสะอ้าน ปลายเล็บขริบสั้นตลอดเวลา
น่าขันที่เกล้ากระผมจดจำผู้ชายสักคนในลักษณะนั้น
แต่หากจะกล่าวถึงแอนดี้สำหรับเกล้ากระผมก็คงอย่างนั้นล่ะ
เขาดูเหมือนว่าสวมเน็คไทอยู่ตลอดเวลา กับอีกซีกโลกที่จากมา
เขาเป็นรองประธานบริหารฝ่ายสินเชื่อของธนาคารพอร์ตแลนด์
งานที่ดีสำหรับคนในวัยอย่างเขา
เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระคุณตระหนักว่าคนในวงการธนาคารเหล่านั้นเป็นนัก
อนุรักษ์นิยมเพียงไร
และพระคุณจะต้องทบทวีหลักการอนุรักษ์นิยมนั่นอีกสักสิบเท่าเมื่อจะต้องผ่าน
ไปทางนิวอิงแลนด์ที่ซึ่งผู้คนมิยินยอมไว้ใจชายหนุ่มเรื่องการเงินนอกเสีย
จากว่าจะก้มกระหม่อมบาง ๆ คลานเข้าไปเลียแข้งเลียขา
แอนดี้เข้ามาเพราะเหตุฆาตกรรมภริยาและชู้รักของหล่อนผมว่านะ เขาเคยบอก ทุกคนในที่นี้บริสุทธิ์ โอ พวกเขาอ่านพระคัมภีร์ เอาอย่างพฤติกรรมพวกโฮลี่โรเรอร์สจากทีวี อ่านพระพันธสัญญาใหม่ พวกเขาเป็นเหยื่อของพวกผู้พิพากษาที่หัวใจแกะจากศิลาและหัวไม้ขีดไฟ ทนายสั่ว ๆ ตำรวจชั่วยัดข้อหา โชคไม่ช่วย พวกเขาอ่านพระคัมภีร์ แต่พระคุณอาจเล็งเห็นพระคัมภีร์ที่แตกต่างกันฉาบฉายบนใบหน้าของพวกเขา ความตลบแตลงต้นทุนต่ำ ไม่ดีกับพวกเขาหรือใครทั้งนั้น แย่ไปกว่านั้นเป็นมารดาของพวกเขาเองที่ส่งพวกเขามาที่นี่
ตลอดหลายปีที่เกล้ากระผมอยู่ในชอว์แช็งค์ มีน้อยกว่าสิบคนที่เกล้ากระผมนึกเชื่อขี้ปากเมื่อพวกเขาบอกว่าบริสุทธิ์ นับแอนดี้ ดูเฟรซ์นด้วยคนหนึ่ง แต่นั่นเป็นเพราะเกล้ากระผมดูจากพฤติกรรมในหลายขวบปีของเขา หากเกล้ากระผมอยู่ในคอกคณะลูกขุนนั่งฟังคำไขคดีในศาลสูงเมืองพอร์ตแลนด์ ระหว่างช่วงสัปดาห์พายุถล่มในปี 1947-48, เกล้ากระผมก็คงจะต้องโหวตให้มีความผิด เยี่ยงกัน
ชีวิตไม่มีเรื่องดีไปเสียทั้งหมด คงต้องมีบ้างที่ผิดฝาผิดตัวเข้าไปอยู่ผิดที่ผิดทาง มีสาวสังคมงามเพียบพร้อม (มรณกรรม) มีนักกีฬาท้องถิ่น (มรณกรรมเช่นกัน) และนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอยู่ในคอกจำเลย เรื่องเป็นอย่างนี้ ด้วยแรงโหมกระพือของหนังสือพิมพ์ ดำเนินการสืบสวนทั้งทางตรงและทางลับ กระบวนการเสร็จสิ้นอย่างรวบรัดฉับไวเพราะอัยการรัฐต้องการให้สภาคองเกรสชื่น ชมและดูดีในสายตาสาธารณชน มันเป็นละครสัตว์ชั้นยอด มีผู้สังเกตการณ์มาตั้งแถวตั้งแต่ตีสี่ทั้งที่อุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์เพื่อให้ มั่นใจว่าจะได้ที่นั่ง
การฟ้องร้องที่แอนดี้ไม่เคยได้แก้ต่างเป็นกระนี้ เมียเขาคือลินดา คอลลินส์ ดูเฟรซ์น กลางเดือนมิถุนายน ปี 1947 หล่อนทุ่มเทความสนใจฝึกตีกอล์ฟที่ฟอลเมาธ์ฮิลล์สคันทรี่คลับ หล่อนสมัครคอร์สสี่เดือนซึ่งผู้สอนเป็นระดับมืออาชีพของฟอลเมาธ์ฮิลล์ส เกรน ควอนติน ล่วงเข้าเดือนสิงหาคม ปี 1947 แอนดี้เริ่มระแคะระคายว่าควอนตินกับภรรยาของเขาเล่นชู้กัน เป็นเหตุให้แอนดี้และลินดา ดูเฟรซ์นมีปากเสียงในบ่ายวันที่ 10 กันยายน 1947 ว่าด้วยเรื่องที่หล่อนนอกใจ
เขาให้การว่าลินดามีความยินดีที่เขารู้เรื่องลับ ๆ ล่อ ๆ นี่ แม้จะเป็นเรื่องน่าเจ็บปวด หล่อนบอก และบอกแอนดี้ว่าหล่อนเตรียมจะนัดไปหย่าที่สำนักงานรัฐรีโน แอนดี้ตอบไปว่าเจอกันในนรกก่อนเจอที่รีโน และหล่อนก็ออกไปค้างคืนกับควอนตินที่บังกาโลว์เช่าของเขาไม่ไกลจากสนามกอล์ฟ
เช้าวันถัด คนทำความสะอาดพบศพทั้งคู่บนเตียง ถูกยิงศพละสี่นัด
แรงจูงใจพุ่งตรงมายังแอนดี้มากกว่าคนอื่น ๆ ซึ่งอัยการเขตให้น้ำหนักในการเปิดคำให้การและปิดสำนวนคดี แอนดริว ดูเฟรซ์น เขาพูด ไม่ผิดที่เป็นสามีผู้กระหายการแก้แค้นนองเลือดสำหรับภริยาไม่ซื่อ ซึ่ง อัยการเขตกล่าว เป็นที่เข้าใจได้ว่าไม่สมควรแก่การให้อภัย แต่การแก้แค้นของเขาเลือดเย็นเกินไป ลองพิจารณาเถิด อัยการเขตกล่าวเสียงเครียดต่อคณะลูกขุน สี่นัดและสี่นัด ไม่ใช่หกนัด แต่เป็นแปด เขายิงจนรังเพลิงว่างเปล่า หยุด แล้วเติมกระสุนเพื่อจะยิงซ้ำ สี่สำหรับเขาและอีกสี่สำหรับหล่อน เดอะพอร์ตแลนด์ซันพาดหัว เดอะบอสตันรีจีสเตอร์ตีข่าวเรียกเขาว่า ดิอีเวนสตีเว่นคิลเลอร์
เสมียนของโรงรับจำนำไวส์ในลีวิสตันให้การว่าเขาขายปืน .38 โปลิสสเปเชียลให้แอนดริว ดูเฟรซ์นไปสองวันก่อนเหตุฆาตกรรม บาร์เทนเดอร์จากคันทรี่คลับบาร์ให้การว่าแอนดริวมานั่งดื่มตอนหนึ่งทุ่มของ วันที่ 10 กันยายน ดวดวิสกี้ไปสามแก้วในยี่สิบนาที ตอนลุกจากบาร์เขาบอกบาร์เทนเดอร์ว่าจะไปบ้านเกรน ควอนติน และเขา บาร์เทนเดอร์ ก็รับรู้เรื่องราวที่เหลือจากหนังสือพิมพ์ เสมียนคนถัดมา จากร้านแฮนดี้พิคซึ่งห่างจากบ้านควอนตินประมาณหนึ่งไมล์ ให้การต่อศาลว่าดูเฟรซ์นมาป้วนเปี้ยนช่วงสิบห้านาทีก่อนสามทุ่มคืนนั้น ซื้อบุหรี่ เบียร์สามขวด และผ้าเช็ดจาน เจ้าหน้าที่นิติเวชให้การว่าควอนตินและภริยาดูเฟรซ์นถูกฆาตกรรมช่วงเวลาห้า ทุ่มถึงตีสองในคืนวันที่ 10-11 กันยายน นักสืบจากแอตทอร์นี่เจนเนอร์รอลซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ให้การว่าพบจุด ซุ่มดูอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุเจ็บสิบหลา บ่ายของวันที่ 11 กันยายน เก็บหลักฐานได้สามชนิดจากที่นั่น อย่างแรก ขวดเบียร์เปล่าสอง (พร้อมรอยนิ้วมือของจำเลย) สอง ก้นบุหรี่สิบสองชิ้น (ยี่ห้อคูลส์ที่จำเลยใช้เป็นประจำ) สาม รอยล้อรถ (ตรงกับหน้ายางรถพลิมัธ ปี 1947 ของจำเลย)
ภายในห้องรับแขกที่บังกาโลว์ของควอนติน พบผ้าเช็ดจานสี่ผืนบนโซฟา มีรอยรูกระสุนสี่รอยพร้อมเขม่าดินปืน ฝ่ายสืบสวนสันนิษฐาน (โดยความพยามค้านแย้งของทนายฝ่ายจำเลย) ว่าฆาตกรใช้ผ้าห่อปากกระบอกปืนเพื่อเก็บเสียง
แอนดี้ ดูเฟรซ์นให้การปกป้องตนเองอย่างใจเย็น สงบนิ่งและเรียบเฉย เขาบอกว่าเสียงนินทาเรื่องภริยาของเขากับเกรน ควอนตินหึ่งเข้าหูเมื่อต้นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน พอย่างสิงหาคมเขาเริ่มจับตามองหาพิรุธ ช่วงหัวค่ำซึ่งปกติลินดามักไปซื้อของที่พอร์ตแลนด์หลังตีเทนนิสเสร็จ แอนดี้แอบตามหล่อนกับควอนตินไปที่บ้านเช่าชั้นเดียวของควอนติน (ช่วยไม่ได้ 'รังรัก' โดยหนังสือพิมพ์) เขาจอดรอจนควอนตินขับพาหล่อนกลับคันทรี่คลับที่ซึ่งหล่อนจอดรถไว้ นั่นเป็นสามชั่วโมงต่อมา
"คุณตั้งใจจะบอกศาลว่าภริยาไม่สังเกตเห็นรถพลิมัธซีดานใหม่เอี่ยมของคุณจอดอยู่หลังรถของควอนตินงั้นรึ" อัยการเขตถามเขาระหว่างซักจำเลย
"กระผมเปลี่ยนรถกับเพื่อนตอนหัวค่ำ" แอนดี้บอก และท่าทีวางเฉยของเขาคล้ายเผยแผนการที่ถูกกำหนดไว้อย่างดี ไม่เข้าท่าเอาเสียเลยจากสายตาของคณะลูกขุน
หลังจากคืนรถให้เพื่อน เขาขับรถตนเองกลับบ้าน ลินดาอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เขาถามหล่อนว่าพอร์ตแลนด์เป็นอย่างไรบ้าง หล่อนตอบว่าสนุกดี แต่ไม่พบอะไรน่าซื้อ นั่นทำให้กระผมตระหนักแน่ แอนดี้บอกกับเหล่าผู้สังเกตการณ์ที่นั่งใจจดจ่อ พูดอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงราบเรียบกล่าวคำให้การภายใต้สัตย์สาบาน
"บอกความรู้สึกของคุณช่วงสิบเจ็ดวันระหว่างเวลานั้น และค่ำคืนที่ภริยาถูกฆาตกรรม" ทนายความของแอนดี้ถามนำ
"กระผมเจ็บปวดใจ" แอนดี้พูดน้ำเสียงราบเรียบเยียบเย็น มิต่างกำลังอ่านใบเสร็จรายการสินค้า เขาบอกว่าเขาคิดฆ่าตัวตาย ถึงขนาดลงมือซื้อเลวิสตันเมื่อวันที่ 8 กันยายน
ทนายความของเขาซักนำ เล่าให้คณะลูกขุนฟังว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากภริยาเขาไปพบเกรน ควอนตินเมื่อคืนที่เกิดฆาตกรรม แอนดี้บอกพวกเขา และผลกลับยิ่งเลวร้ายหนักเข้าไปอีก
เกล้ากระผมรู้จักเขาจวนเจียนจะสามสิบปีเข้าให้แล้ว เรียนพระคุณได้เลยว่าเขาเป็นคนมีกึ๋นที่สุดเท่าเกล้ากระผมเคยพบพาน อะไรเป็นผลดีกับเขา เขาจะค่อย ๆ เผยออกมา หากอะไรเป็นผลร้ายกับเขา เขาจะเก็บเอาไว้ ก็หากเขามีด้านมืดในใจ อย่างที่นักเขียนไม่ก็ใครสักคนมักกล่าว พระคุณจะไม่มีทางล่วงรู้ เขาเป็นคนประเภทที่หากตั้งใจจะฆ่าตัวตาย เขาจะลงมือโดยไม่แม้ทิ้งข้อความร่ำลาไม่จนกว่าพันธะกิจต่าง ๆ เข้าที่เข้าทางของมันดีแล้ว หากเขาแค่ร่ำไห้ในคอกจำเลย หรือเผยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์และสับสนลังเล หรือกระทั่งว่าตะโกนระบายใส่ทนายเขตวอชิงตันสักคำ เกล้ากระผมไม่คิดว่าเขาจะต้องโทษตลอดชีวิตเยี่ยงนี้ ไม่ก็ต้องได้รับทัณฑ์บนเสียตั้งแต่ปี 1954 แต่เขาบอกเล่าเรื่องราวอย่างกับถอดจากเครื่องบันทึกเสียง อย่างกับบอกต่อคณะลูกขุนว่า มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ เอาหรือไม่เอาล่ะ พวกเขาเขี่ยทิ้ง
เขาบอกว่าคืนนั้นเมามาก ดูเหมือนว่าเมาตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม อีกอย่างเขาไม่ใช่คอเหล้าที่ดีนัก แน่ล่ะเรื่องนี้ทำคณะลูกขุนกลืนน้ำลายเฮือก พวกเขาไม่มีทางเข้าใจว่านายเยือกเย็นมาดมั่นในชุดสูทสามชิ้นเนี้ยบเนียนนี้ไม่มีทางเมาพับล้มใส่ภริยาใจคดผู้แอบกุ๊กกิ๊กกับนักกอล์ฟอาชีพของเมืองเล็ก ๆ เกล้ากระผมเชื่อเช่นนั้นเนื่องเพราะเกล้ากระผมมีโอกาสเฝ้าดูแอนดี้ซึ่งนายหกคนและคุณนายหกคนนั่นหามิได้
แอนดี้ ดูเฟรซ์นดื่มแค่สี่หนต่อปีตั้งแต่เกล้ากระผมรู้จักเขา ดื่มกับเกล้ากระผมในสนามออกกำลังกายทุกปีช่วงสัปดาห์ก่อนวันเกิดของเขา และสักสองสัปดาห์ก่อนวันคริสมาสต์ แต่ละครั้งเขาจะจัดหาแจ็คแดเนียลมาขวดหนึ่ง เขาซื้อมาด้วยวิธีเดียวกับคนโทษที่นี่กระทำ ค่าจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมกับบางส่วนของเขาเอง จนกระทั่งปี 1965 เราได้รับค่าจ้าง 10 เซ็นต์ต่อชั่วโมง ปี '65 พวกเขาขยับขึ้นเป็น 25 เซ็นต์ ค่านำพาสำหรับเหล้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก็หากพระคุณคำนวณรวมสะระตะค่าใช้จ่ายสำหรับจิบวิสกี้ดี ๆ อย่างแบล็คแจ็ค พระคุณก็จะเห็นว่าแอนดี้ ดูเฟรซ์นใช้เวลาอาบเหงื่ออยู่ในโรงซักรีดสักกี่ชั่วโมงสำหรับการดื่มสี่ครั้งต่อปี
เช้าวันคล้ายวันเกิดของเขา 20 กันยายน เขาซดคำโต และอีกทีตอนค่ำหลังจากไฟปิด วันถัดเขาส่งคืนที่เหลือในขวดให้เกล้ากระผมจ่ายแจกพรรคพวก ส่วนอีกขวด อึกหนึ่งในค่ำวันคริสมาสต์และอีกอึกวันสิ้นปี แล้วที่เหลือก็จะมาถึงเกล้ากระผมพร้อมคำแนะนำให้จ่ายแจกจงทั่ว สี่อึกต่อปี นั่นเป็นพฤติกรรมของขี้เมาหยำเปเมาจนได้เลือดกระนั้น
เขาให้การว่าค่ำวันที่ 10 เขาเมามาก จำอะไรแทบไม่ได้เลย เมาแต่บ่าย - "กระผมดื่มอย่างห้าวหาญ" ประมาณนั้นก่อนกลับไปหาลินดา
หลังจากหล่อนออกไปพบควอนติน เขาจำได้ว่าตัดสินใจจะจบความกับคนทั้งสอง ระหว่างทางไปบ้านควอนติน เขาแวะดื่มที่คลับแก้วสองแก้ว เขาจำ เขาบอก ไม่ได้ว่ากล่าวกับบาร์เทนเดอร์ว่าเขาจะ "อ่านที่เหลือจากหนังสือพิมพ์" หรือพูดอะไรเทือกนั้น จำได้แค่แวะซื้อเบียร์ ไม่ใช่ผ้าเช็ดจาน "กระผมจะเอาผ้าเช็ดจานไปทำอะไร" เขาถาม และหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งรายงานว่าสุภาพสตรีสามท่านในคณะลูกขุนถึงกับเกิดอาการสั่นกลัว
หลังจากนั้น เนิ่นนานหลังจากนั้น เขาพิเคราะห์ให้เกล้ากระผมฟังเรื่องพนักงานที่ให้การเป็นพยานเกี่ยวแก่ผ้าเช็ดจานนั่น และเกล้ากระผมคิดว่าน่าจะจดถ้อยคำของเขาเก็บไว้ "สมมติว่า ระหว่างการสืบพยาน" แอนดี้พูดหนหนึ่งในสนามออกกำลังกาย "พวกเขาปะเข้ากับนายคนที่ขายเบียร์ให้เราเมื่อคืนนั้น เหตุการณ์ผ่านไปสามวัน เรื่องถูกหนังสือพิมพ์โหมประโคม พวกเขาน่าจะรุมนายคนนั้น ตำรวจห้าหกคน รวมนายหัวครกจากสำนักอัยการกับพวกผู้ช่วย ความทรงจำเป็นสิ่งสวยงามว่ามั้ยเรด พวกเขาอาจเริ่มที่ 'เป็นไปได้มั้ยว่าเขาอาจซื้อผ้าเช็ดจานสักสี่ห้าผืน' แล้วไต่เต้าเอาจากตรงนั้น มีใครหลายคนคาดหมายให้คุณจดจำบางอย่าง หรือนั่นมิใช่คำชักชวนยวนใจชั้นดี"
เกล้ากระผมเชื่อว่าเป็นไปได้
"แต่ยังมีบางอย่างทรงพลังไปกว่านั้น" แอนดี้ครุ่นรำพึง "เราว่านายคนนั้นมีแนวโน้มจะตอบไปเยี่ยงนั้น มันคล้ายกับว่าเขาออกไปยืนหน้าเวที นักข่าวยิงคำถาม ภาพของเขาถูกตีพิมพ์...พาดหัวหน้าแรก แน่ล่ะ เมื่อทุกสายตาหันมอง เราไม่ได้หมายความว่าเขาเสแสร้งปั้นแต่งหรือให้การเท็จ เป็นไปได้ว่าเขาอาจผ่านเครื่องจับเท็จหรือให้คำสัตย์สาบานว่าเราได้ซื้อผ้าเช็ดจานนั่น แต่ก็นั่นแหละ...ความทรงจำเป็นเรื่องเหลือทนจริง ๆ
เรารู้ดี มาตรว่าทนายของเราจะคิดว่าเราโกหกเสียครึ่งค่อนเรื่อง เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องผ้าเช็ดจานนั่น มันงี่เง่า เราเมาเช็ด เมาเกินจะมานั่งกังวลกับห่อปลายกระบอกปืน หากเป็นเรา เราก็แค่ส่งพวกนั้นไปผุดไปเกิดก็เท่านั้น"
เขาจอดรถที่ลานจอด ซดเบียร์อัดบุหรี่ นั่งดูไฟชั้นล่างของบ้านควอนติดดับลง ดูไฟดวงเดียวชั้นบนติดอยู่...และสิบห้านาทีถัดมา เขาดูมันดับลง เดาได้เลยว่าที่เหลือเป็นอย่างไรเขาบอก
"คุณดูเฟรซ์น ตกลงคุณเข้าไปในบ้านคุณควอนตินและฆ่าคนทั้งสองหรือเปล่า" ทนายตะคอกถาม
"เปล่า กระผมไม่ได้ทำ" แอนดี้ตอบ ช่วงเที่ยงคืน เขาบอก เขาเริ่มส่าง แต่ยังรู้สึกเมาค้าง เขาตกลงใจว่าจะกลับบ้านและเข้านอนเสียแล้วค่อยทบทวนเรื่องทั้งหมดอย่างผู้มีวุฒิภาวะสมควรกระทำในวันพรุ่ง "เวลานั้นตอนขับกลับบ้าน กระผมเริ่มได้คิดว่าทางที่ดีปล่อยหล่อนไปรีโนแล้วเซ็นหย่าให้หล่อนเสีย"
"ขอบคุณ คุณดูเฟรซ์น"
ทนายเขตปิดท้าย
"คุณเซ็นหย่าให้หล่อนแบบเร็วด่วนด้วย .38 รีวอลเวอร์หุ้มปากกระบอกด้วยผ้าเช็ดจาน ใช่หรือไม่"
"ไม่ใช่ขอรับ กระผมมิได้กระทำ" แอนดี้พูดเสียงเรียบเฉย
"แล้วคุณก็ยิงชู้รักของหล่อน"
"เปล่าขอรับ"
"คุณหมายความว่าคุณยิงควอนตินก่อนล่ะหรือ"
"กระผมหมายถึงว่ากระผมไม่ได้ยินคนทั้งสอง กระผมดื่มเบียร์ไปสองขวดและสูบบุหรี่ อย่างที่ตำรวจพบก้นบุหรี่จำนวนมากที่ลานจอด แล้วกระผมก็ขับกลับบ้านเข้านอน"
"คุณให้การต่อศาลว่าระหว่างวันที่ยี่สิบห้าสิงหาคมถึงสิบกันยายนคุณเคยคิดฆ่าตัวตาย"
"ใช่ขอรับ"
"คิดมากพอให้ซื้อรีวอลเวอร์"
"ขอรับ"
"มันจะเป็นการรบกวนเกินไปไหมคุณดูเฟรซ์น หากผมจะบอกว่าคุณจะยังไงก็ดูไม่เหมือนคนคิดฆ่าตัวตาย"
"ไม่ขอรับ" แอนดี้พูด "แต่คุณเองสำหรับกระผมก็ไม่ได้ดูเหมือนคนอ่อนไหวอะไร กระผมยังนึกสงสัยตัวเองว่ารู้สึกอยากฆ่าตัวตายจริงหรือไม่ คุณน่าจะมีปัญหาอย่างกระผมดูสักที"
บรรยากาศตึงเครียดหัวนมลุกชัน แต่เขาก็ไม่ได้สักแต้มจากคณะลูกขุน
"คุณเอาจุดสามแปดติดตัวไปด้วยหรือไม่ในคืนวันที่สิบกันยายน"
"เปล่าขอรับ เรื่องนั้นพิสูจน์ทราบแล้ว"
"โอ ใช่เลย" ทนายเขตยิ้มหยัน "คุณขว้างมันลงแม่น้ำใช่ไหม แม่น้ำเดอะโรเยล ในบ่ายวันที่เก้ากันยายน"
"ใช่ขอรับ"
"หนึ่งวันก่อนการฆาตกรรม"
"ใช่ขอรับ"
"อย่างสะดวกโยธิน"
"มันไม่ใช่เรื่องสะดวกโยธินขอรับ เป็นแค่ข้อเท็จจริง"
"ผมคิดว่าคุณรับรู้ผลการพิสูจน์หลักฐานของลิเทอแนน มินเชอร์แล้วสินะ" มินเชอร์รับผิดชอบเรื่องลากอวนค้นหาหลักฐานก้นแม่น้ำโรเยลใกล้สะพานพอนด์โรดซึ่งแอนดี้ให้การว่าโยนปืนลงแม่น้ำบริเวณนั้น ตำรวจไม่พบอะไร
"ใช่ขอรับ คุณทราบดีว่ากระผมรับรู้"
"เหตุนั้นคุณจึงได้ยินเขาให้การต่อศาลว่าไม่พบอะไร ทั้งที่ลากอวนตั้งสามวัน นั่นก็เป็นเรื่องสะดวกโยธินหรือมิใช่"
"สะดวกโยธิน เป็นความจริงที่ว่าพวกเขาไม่พบปืน" แอนดี้โต้ตอบอย่างเยือกเย็น "แต่กระผมใคร่เรียนคุณทั้งสองรวมทั้งคณะลูกขุนว่าสะพานพอนด์โรดอยู่ใกล้ปากอ่าวยาร์เมาธ์ซึ่งกระแสน้ำไหลแรง ปืนน่าจะถูกพัดพาออกปากอ่าว"
"จึงไม่สามารถตรวจสอบเปรียบเทียบรอยลำกล้องปืนจากกระสุนบนศพภริยาคุณและนายเกรน ควอนตินกับลำกล้องปืนของคุณ ถูกต้องมั้ยคุณดูเฟรซ์น"
"ขอรับ"
"นั่นก็สะดวกโยธิน ถูกต้องมั้ย"
เวลานั้น ดูจากหนังสือพิมพ์ เป็นหนหนึ่งที่แอนดี้ปล่อยให้อารมณ์หลุดลอดออกมานิดหน่อยจากตลอดหกสัปดาห์ของการสอบสวน เขาอมยิ้ม
"ด้วยเหตุว่ากระผมหาได้ข้องเกี่ยวกับฆาตกรรมนี้ และเป็นความจริงที่ว่ากระผมได้โยนปืนทิ้งลงแม่น้ำหนึ่งวันก่อนเหตุฆาตกรรม จึงเป็นการไม่สะดวกโยธินสำหรับกระผมเลยที่หาปืนไม่พบ"
ทนายเขตรุกไล่เขาตลอดสองวัน อ่านซ้ำคำให้การของพนักงานร้านแฮนดี้พิคเรื่องผ้าเช็ดจาน แอนดี้ย้ำว่าเขาจำไม่ได้ว่าซื้อผ้าเช็ดจาน แต่ก็ยอมรับเขาจำไม่ได้ว่าไม่ได้ซื้อ
จริงหรือไม่ที่แอนดี้และลินดา ดูเฟรซ์นซื้อประกันร่วมเมื่อต้นปี 1947 เรื่องนั้นจริง และหากจ่ายคืน แอนดี้จะได้รับเงินห้าหมื่นเหรียญ จริง และจริงหรือไม่ที่แอนดี้บุกเข้าบ้านเกรน ควอนตินด้วยจิตอาฆาตมาดร้าย และจริงหรือไม่ที่เขาลงมือฆาตกรรมทั้งสอง ไม่ ไม่จริง หากเยี่ยงนั้นเขาคิดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งไร้ร่องรอยงัดแงะแม้น้อย
"ไม่ทราบสิขอรับ" แอนดี้พูดเสียงแผ่ว
คณะลูกขุนประชุมตอนบ่ายโมงของวันพุธขณะหิมะโปรยปราย สิบสองคนหญิง-ชายกลับออกมาตอนบ่ายสามครึ่ง เจ้าพนักงานบอกว่าพวกเขาสมควรกลับออกมาเร็วกว่านั้น แต่ติดวิสาสะกับมื้อใหญ่จากภัตตาคารเบ็นลี่ย์ พวกเขาสรุปว่าแอนดี้มีความผิด และพระคุณเอ๋ย หากรัฐเมนมีโทษประหารชีวิต เขาจะได้รับมันก่อนที่ดอกโครคัสฤดูใบไม้ผลิจะทันโผล่จากหิมะ
ทนายเขตถามเขา คิดว่าเกิดอะไรขึ้น แอนดี้ปัดไม่ตอบคำถาม เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร และเกล้ากระผมระแคะระคายก็เมื่อหัวค่ำหนึ่งของปี 1955 เราใช้เวลาร่วมเจ็ดปีจากแค่พยักหน้าให้กันจนกลายสหายสนิท แต่เกล้ากระผมกลับไม่เคยรู้สึกว่าเข้าใกล้เขากระทั่งปี 1960 ประมาณนั้น และเกล้ากระผมเชื่อว่ามีแต่เกล้ากระผมที่เขาสนิทสนมด้วย เราใช้เวลาร่วมกันอย่างยาวนาน จากจุดเริ่มจนจุดสุดท้าย มาตรแม้ว่าเกล้ากระผมจะยังเดินอยู่แค่กึ่งกลางในโถงทางเดินถึงเขา
"นายคิดว่าไง" เขาหัวร่อแต่ไร้สำเนียงขบขัน "เราว่ามันต้องมีไอ้ตัวซวยลอยไปลอยมาแถวนั้นค่ำนั้น แบบว่ามารวมตัวกันโดยบังเอิญ เราว่าต้องมีใครสักคน ใครสักคนเกิดขับรถยางแบนผ่านมาหลังจากเรากลับบ้านไปแล้ว ไม่ตีนแมวก็พวกโรคจิต มันฆ่าพวกเขา และเราถูกส่งมาที่นี่"
***
(มีต่อ)
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น