1
ตลาดชนบทเมื่อโน้นมีบ้านไม้ชั้นเดียวหลังคาสังกะสีเรียงต่อตลอดสองฝั่งฟากถนน พื้นถนนเป็นแผ่นปูนสี่เหลี่ยมชิดวางกว้างสักสองวา เป็นทางสัญจรผู้คนเดินไปมา หากจะมีรถก็รถเข็นแม่ค้าใช้บรรทุกข้าวของไปขายที่ตลาด สี่แยกหน้าตลาดสดเป็นลานกว้าง มีแม่ค้านำผักพื้นบ้าน ผลไม้จากสวน ปลาช่อนแห้ง แป้งแดง น้ำส้มตาลโตนดมาวางขาย บ้างวางพื้นบ้างวางบนกระจาดนั่งเรียงต่อกันไปจนถึงตัวตลาด เสียงเพลงแม่ค้าตาคมของศรคีรี ศรีประจวบดังแว่วจากร้านน้ำชาป้าแต๋วตรงมุมถนน ดังแทรกเสียงร้องเรียกลูกค้าเสียงต่อรองราคาเอะอะจอแจ ไอ้ด่างหมาเฝ้าตลาดเป็นหมาสายพันธุ์ไทยผิวหนังกระดำกระด่างแซมเรื้อนประปราย เดินกระดิกหางอารมณ์ดี หันมองสบแม่ค้าปลาช่อนแห้งด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ เหลือกตาซ้ายหรี่ตาขวาดูทีว่าป้าแม่ค้าคนงามจะมาท่าไหน เห็นป้าแม่ค้าหันรีหันขวาง ไอ้ด่างฉีกยิ้มรอทีเผลอ ป้าแม่ค้าเอี้ยวตัวเอื้อมมือไปด้านหลัง สบโอกาสไอ้ด่างย่อขาหน้าเกร็งขาหลังพุ่งออกตัว เป้าหมายเป็นริ้วปลาช่อนแห้งตัวใหญ่วางกองบนกระด้ง แต่แล้วมันยั้งยันขาหน้ากระทันหัน กลับตัวโกยอ้าว ท่อนไม้ปลิววืดผ่านหัวเส้นยาแดง ไอ้ด่างส่งเสียงร้องเอ๋ง ๆ ทั้งไม้เฉี่ยวแค่ปลายขนหัว เผ่นแนบไปทางหัวตลาด
เห็นคนยืนห้อมล้อมเป็นวงแปลกตา แต่ไหนแต่ไรหน้าตลาดสดมีแต่แม่ค้าแม่ขายและคนมาจับจ่ายหาซื้อของกินของใช้ ก็แล้วเหตุไฉนพากันยืนมุงดูอะไรให้น่าฉงน ไอ้ด่างหลุบหางซุกตูด มุดหัวระหว่างขาผู้คน แทรกเข้าในวงล้อม เงยมองเหตุการณ์ตรงหน้า
พื้นถนนกลางวงล้อม มีร่างคนนอนหงายบนเสื่อกระจูดมีผ้าขาวคลุมจรดหัว ชายหนุ่มนามกรว่าแปลกสวมชุดขาวห้อยพระเครื่องเต็มคอนั่งพนมมือบริกรรมคาถา ธูปหลายดอกในกระพุ่มมือส่งควันหมุนวนหวนอวลหอม ท่าทางยังหนุ่มฉกรรจ์ผิวดำแดงแต่เค้าหน้าชรากว่าวัยด้วยไว้หนวดยาวดัดปลายโค้งงอน ปลายหนวดกระดุกกระดิกขณะปากท่องบ่นคาถา
"เอหิรักยม ปิยังมะมะ ปุตตัง วะซายะติ อารักขานะ ปัจจะโย เจ้ารักเจ้ายม จงมา จงมา เอหิมะมะ"
ว่าเสร็จวนก้านธูปเหนือร่างคลุมผ้าขาวสามรอบก่อนปักลงกระป๋องทรายแล้วกราบลงกับพื้น ส่งเสียงเรียก
"เจ้ารัก!"
ไม่มีเสียงขาน เรียกอีกครั้ง
"เจ้ายม!"
ทำท่าเอียงหูฟัง ยังไม่มีเสียงโต้ตอบ
"สงสัยยังไม่มา" แปลกยันกายลุกส่งเสียงพึมพำ "ไปเล่นที่ไหนของมัน" เหลือบมองชาวบ้าน ยามนี้คนล้อมขยายจำนวนขึ้นจนเกือบรอบวง พวกมาทีหลังพยายามเบียดแทรกยืนด้านหน้า ที่เกรงใจไม่อยากเบียดใครยืนชะเง้อยืดคอยงโย่ยงหยกอยู่ด้านหลัง แปลกปัดฝ่ามือแล้วหันบอกไทยมุง
"ด้านหน้านั่งลงหน่อยครับ คนด้านหลังจะได้เห็นถนัด" ยกฝ่ามือขยับเบา ๆ เป็นทีบอกให้นั่งลง พวกชาวบ้านนั่งยอง บางคนถอดแตะนั่งทับ "นั่นล่ะอย่างนั้นคนที่นี่นิสัยดีใจดีอย่างนี้เอง เป็นไงครับดีกว่ายืนเยอะแยะ เช้านี้แดดไม่ร้อน อากาศเย็นกำลังดี เดี๋ยวใครนั่งลงผมแจกเงินเลยดีกว่า"
พวกด้านหน้าที่ยังไม่ยอมนั่งส่งเสียงหัวร่อหึ ๆ
"ไม่เชื่อล่ะสิ" แปลกบอก หันหยิบหนังสือพิมพ์บนพื้นส่งให้ชายวัยกลางคนหน้าปรุ "ช่วยดูหน่อยครับ หนังสือพิมพ์เช้านี้เอง"
ชายวัยกลางคนหน้าปรุรับหนังสือพิมพ์มาพลิกทีละหน้า
"นั่นแนะ เอาไปอ่านซะแล้ว" แปลกหยอก "ให้ดูเฉย ๆ นะครับไม่ใช่ให้อ่าน อยากอ่านเอาไว้เดี๋ยวผมให้เงินไปซื้อ"
พวกคนดูส่งเสียงหัวร่อ ชายวัยกลางคนหน้าปรุยิ้มเขินส่งหนังสือพิมพ์คืนให้
"ขอบคุณครับ" แปลกยื่นมือรับ ดึงหนังสือพิมพ์ออกมาแผ่นเดียวพับทบทับสองสามตลบจนเหลือเท่าสมุดนักเรียน
"ใครมีไฟแช็กบ้างครับ?" ถามคนดู
คนดูด้านหลังยื่นไฟแช็กให้
"จุดเลยครับ" แปลกบอก
เจ้าของไฟแช็กสะกิดนิ้วโป้ง เปลวไฟลุกวาบ แปลกจ่อขอบหนังสือพิมพ์เข้ากับเปลวไฟ กระดาษหนังสือพิมพ์ติดไฟลุกโพลง แปลกเอียงพับหนังสือพิมพ์ให้ไหม้ไฟจนแทบไม่เหลือแล้วสะบัดดับเปลวขยี้เถ้าหนังสือพิมพ์กับสองฝ่ามือ เถ้ากรอบดำร่วงพรู แล้วเจ้านักเล่นกลเร่ก็ค่อย ๆ ดันธนบัตรใบละสิบบาทออกจากเถ้าหนังสือพิมพ์ ส่งให้ชายหน้าปรุคนตรวจสอบหนังสือพิมพ์เมื่อครู่
"เอาไปซื้อหนังสือพิมพ์ ที่เหลือไม่ต้องทอน"
พวกคนดูส่งเสียงหัวร่อชอบใจ ชายวัยกลางคนหน้าปรุลังเลไม่กล้ารับเงิน แปลกบอก
"รับไว้เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ ถึงจะเสกจากกระดาษหนังสือพิมพ์ก็เถอะ รับรองชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย"
ชายวัยกลางคนหน้าปรุรับธนบัตรใบละสิบบาทเปื้อนเขม่าดำมาพลิกพินิจด้วยความงวยงง
"ใครอยากได้อีกบ้าง?" แปลกกวาดตามอง "ยกมือขึ้น"
พวกคนดูยกมือสลอน
"สงสัยหมดตัวแน่คราวนี้" ชายหนุ่มพึมพำ ก้มหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาแผ่นหนึ่ง พับทบทับเริ่มกระบวนการเดิม คราวนี้คลี่ธนบัตรใบละสิบบาทออกมาใบแล้วใบเล่า ส่งให้คนนั่งชม พวกยืนยื่นมือส่งเสียงเรียกจ้าละหวั่น แปลกแจกเงินพลางส่งเสียงเรียก
"เจ้ารัก!"
"เอ้ย!" เสียงร้องขานรับจากร่างใต้ผ้าขาว ทำเอาคนดูอ้าปากค้าง
"มาแล้วก็ไม่บอก" ชายหนุ่มหันบ่นกับร่างใต้ผ้าคลุม "จะแกล้งให้พ่อแจกเงินจนหมดตัวก่อนรึไง" แปลกส่งธนบัตรใบสุดท้ายให้หญิงสาวผมซอยสั้น หญิงสาวเอื้อมมือจะรับไว้ แต่แล้วเจ้านักเล่นกลเร่กลับกำเงินยัดใส่กระเป๋า "เก็บไว้ที่ผมก่อนดีกว่า" บอกกับหญิงสาว "แล้วอย่าลืมทวงล่ะ" หญิงสาวยิ้มเก้อ พวกคนดูหัวร่อ ชายหนุ่มหันบอกกับคนดู "อีกประเดี๋ยวค่อยแจกต่อ คุยกะเจ้ารักเจ้ายมก่อน เดี๋ยวมันจะน้อยใจ" แล้วร้องเรียก
"เจ้ารัก!"
"เอ้ย!" เสียงขานรับทันที
"มาแล้ว?" แปลกร้องถาม
"มาแล้ว" รัก-ยมในร่างใต้ผ้าคลุมร้องบอก
"ถามอะไรรู้?"
"รู้"
"ถามอะไรบอก?"
"บอก"
"คุณคนนี้ผู้หญิงรึผู้ชาย?" ชี้นิ้วที่หญิงสาวเมื่อครู่
"ผู้หญิง"
"สวยมั้ย?"
"สวย" เสียงตอบสวนทันควัน
"นั่นแน่ ตาถึงเสียด้วย" แปลกสัพยอก หญิงสาวขวยเขินคว้าแขนเพื่อนสาวคนข้าง ๆ เจ้านักเล่นกลเร่ขยับเดิน
"เจ้ารัก!"
"เอ้ย!"
"ถามอะไรรู้?"
"รู้"
"ถามอะไรบอก?"
"บอก"
"คุณคนนี้ใส่เสื้อสีอะไร?" จับชายเสื้อผู้ชม
"แดง" รัก-ยมตอบทันที
"ทุกคนช่วยล้วงกระเป๋าตัวเอง" แปลกบอกกับผู้ชม "หยิบอะไรก็ได้ออกมาสักชิ้น"
พวกคนดูล้วงกระเป๋ายื่นของในมือออกมา ชายหนุ่มเดินวนพล่านรอบวง
"เจ้ารัก!"
"เอ้ย!"
"ถามอะไรรู้?"
"รู้"
"ถามอะไรบอก?"
"บอก"
เอื้อมหยิบของในมือป้าอิ่มแม่ค้าหมู
"นี่อะไร?"
"หวี"
ส่งหวีคืนป้าอิ่ม จ้ำก้าวพลางคว้าของ ปากก็ร้องถาม
"นี่"
"เหรียญบาท"
"นี่"
"กล่องไม้ขีดไฟ"
"นี่"
"กระเป๋าสตางค์"
รัก-ยมตอบทันที ทั้งถูกต้องตรงตามสิ่งของที่ร้องถาม เจ้าหนุ่มนักเล่นกลจ้ำเดินวนรอบวง เม็ดเหงื่อเริ่มผุดบนใบหน้า
"เจ้ารัก!"
"เอ้ย!"
"ถามอะไรรู้?"
"รู้"
"ถามอะไรบอก?"
"บอก"
"งวดนี้ออกอะไร?"
"ไม่บอก"
"อ้าวเฮ้ย! ไหงงั้นล่ะ!?" ชายหนุ่มสะดุดกึ๊ก หันจ้องมองร่างคลุมผ้าขาว พวกคนดูหัวร่อหึ
"สงสัยงอนครับ" หันบอกคนดู "งวดก่อนนี่เอง สามสองสามใช่ไหมครับ ผมไปเปิดการแสดงที่พุนพิน สุราษฏร์ฯ สาบานกับพระตรงหน้า" แปลกรวบพวงพระเครื่องบนอกกระพุ่มมือ "หากผมโกหกพ่อแม่พี่น้อง ขออย่าให้ตายดี ขอให้เป็นผีในสามวันเจ็ดวัน รัก-ยมมันบอกตรงเผงไม่ต้องแก้ต้องกลับ ไม่ต้องเพิ่มต้องลด วันนั้นพอดีหวยออก ผมกำลังเก็บข้าวของ เจ๊เกียวตลาดพุนพิน ร้านขายข้าวสารในตลาด ถามหาใคร ๆ ก็รู้จัก แกให้คนมาตาม เจอหน้าแกสวมกอดดีใจใหญ่ ยังกะแม่ยกพระเอกยี่เกแน่ะ" แปลกกระซิบ "แกบอกว่าตอนแรกก็ไม่เชื่อ คิดว่ารัก-ยมตอบมั่ว ๆ แล้วผมก็เผ่นไปแสดงที่อื่น พอดีเลขมันไปตรงกับทะเบียนบ้านของแก แกเลยซื้อไว้ร้อยนึง นี่ผมจะมาแกยังไม่อยากให้มา บอกให้พักอยู่ก่อน คงจะขออีกงวด แต่ทำยังงั้นไม่ได้หรอกครับ ผมจะต้องเอาโชคลาภมากระจายให้พ่อแม่พี่น้อง ไม่งั้นของจะเข้าตัว มีของดีต้องทำความดีครับ โลภเก็บเอาไว้เองคนเดียวไม่ได้ ไม่ดี ผมจะลองอีกที ฟังกันดี ๆ นะครับ บอกเที่ยวเดียว" ชายหนุ่มหันเรียกรัก-ยม
"เจ้ารัก!"
"เอ้ย!"
"ถามอะไรรู้?"
"รู้"
"ถามอะไรบอก?"
"บอก"
"งวดนี้ออกอะไร?"
"ไม่บอก"
"อ้าว!" ชายหนุ่มฟึดฟัด เดินตรงไปที่ร่างคลุมผ้าขาว "มันยังไงกันเนี่ย?" ลูบหนวดขมวดคิ้วครุ่นคิด "อ้อ..สงสัยยังไม่ได้ของเล่น" หันถาม
"จะเอาอะไร?"
เงียบ
"ว่าไงนะ" ชายหนุ่มป้องหูแล้วพยักหน้า "ทีเงี้ยล่ะกระซิบ"
เดินตรงไปที่เด็กชายขี้มูกโป่ง
"ยืมของเล่นก่อนนะเจ้าหนู" ล้วงมือเข้าในกระเป๋ากางเกงเจ้าเด็กขี้มูกโป่ง ได้รถสังกะสีคันเล็กออกมา เจ้าเด็กขี้มูกโป่งทำหน้าเหลอหลา แล้วเดินไปรื้อตะกร้าจ่ายตลาดของป้าผ่องบ้านตลาดกลางได้ลูกบอลยาง ล้วงจักแร้เจ้าเนียนคนขับเรือหางยาวได้เรือสังกะสี คนดูหัวร่อเฮฮา ล้วงใต้ก้นเจ้าก๋องลูกยายกลอยตลาดตก ได้กลองป๋องแป๋ง ไม่ทันรอบวงของเล่นเต็มหอบ เอามาวางบนร่างคลุมผ้าขาว
"พอยัง?" ถามรัก-ยม
"ยัง" รัก-ยมตอบ
เจ้าแปลกทำท่าสะดุ้ง พวกคนดูส่งเสียงเฮ ชายหนุ่มหยิบกล่องกระดาษขึ้นมา พลิกหันด้านในให้คนดู แล้วควานล้วงลงไป พลันสายตากวาดเห็นหญิงสาวผมยาวมีเด็กหญิงตัวน้อยยืนจับมืออยู่ด้านข้าง เจ้านักเล่นกลเร่ยิ้มล้วงดอกกุหลาบแดงออกจากกล่อง เดินตรงไปย่อเข่าตาจ้องเด็กหญิงตัวน้อยไม่กะพริบ แก้มชมพูอูมอวบดวงตาสวยใส แปลกก้มจูบกลีบกุหลาบแล้วยื่นให้เด็กหญิง เด็กหญิงขวยเขินแหงนมองแม่ แม่พยักหน้า เด็กหญิงจึงรับกุหลาบไว้ ชายหนุ่มถอยกลับมาเดินเวียนรอบร่างคลุมผ้าขาว
"หนอย อยู่กันมาตั้งนานไม่พยศ ไหงวันนี้เกิดเล่นตัว" หันถามคนดู "ไม่ทราบบ้านใครเลี้ยงรัก-ยมบ้างครับ?"
คนดูพากันส่ายหน้า แปลกกวาดตาแล้วตรงไปที่โต๊ะบูชา พนมมือจดหน้าผาก เอื้อมหยิบขวดแก้วใบเล็กขึ้นจากพาน
"หลายปีก่อนผมผ่านไปเล่นแถวจันดี เจอะหลวงพ่อท่านทักว่าลักษณะเป็นคนใจบุญจะช่วยคนไว้ได้มาก ท่านชวนให้บวช ผมบอกไปว่าจะบวชได้ไงล่ะครับหลวงพ่อ ผมมีหญิงคนรักแล้ว ผมอยากอยู่กับเธอไปตลอดชีวิต" แปลกเหลือบยิ้มมองหญิงสาวผมยาวยืนจับมือลูกสาว หญิงสาวยิ้มก้มหน้าหลบ เจ้านักเล่นกลเร่พูดต่อ
"คะยั้นคะยออยู่พักใหญ่ ผมมันคนบาปหนาตัดทางโลกไม่ขาด หลวงพ่อท่านเลยล้วงในย่ามส่งนี่ล่ะครับให้"
แปลกพนมมือจดหน้าผากยื่นขวดใบเล็กให้คนที่นั่งด้านหน้า
"จับระวังนะครับอย่าให้ตกสู่ที่ต่ำ"
ชายกลางคนพนมมือก่อนรับขวดแก้วใบเล็กมาพินิจ แปลกเล่าต่อ
"หลวงพ่อท่านบอกให้นำไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยาก แรก ๆ ผมไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็จัดข้าวน้ำขนมให้ตามหลวงพ่อบอก ลาหลวงพ่อมาไม่ทันข้ามวันเลยครับ เกิดเรื่อง"
พวกคนดูนั่งนิ่งเงียบ
"ส่งให้ดูได้เลยครับ" แปลกบอกชายวัยกลางคนตอนนี้ถูกรุมเบียดดูไม้แกะเป็นรูปเด็กผมจุกแช่น้ำมันในขวดแก้วใบเล็ก ชายวัยกลางคนส่งขวดแก้วให้ชายชราผิวคล้ำ ชายชราพนมมือรับขวดแก้วไว้แล้วยกขึ้นส่องดู พวกที่เหลือพากันยืดคอจ้องมอง แปลกเล่าต่อ
"ตอนนั้นผมจะไปคลองท่อม รถผ่านเขาพับผ้า เส้นทางซิกแซกเลาะหน้าผาไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยโค้ง ทางรึก็สูงชัน ไม่ทราบมีใครเคยผ่านเขาพับผ้าบ้างครับ?" แปลกหยุดมอง พวกคนดูพากันส่ายหน้า "เสียดาย ผมไม่รู้จะเล่าอย่างไรให้เห็นภาพว่าทางมันน่าหวาดเสียวจริง ๆ รถเมล์ที่ผมโดยสารอืดอาดไต่ขึ้นเนิน เสียงเครื่องยนต์ดังลั่นเหมือนจะไปต่อไม่ไหว พวกคนโดยสารต่างมองหน้าช่วยกันลุ้น แต่แล้วเครื่องเกิดดับ รถขยับถอยหลัง คนขับเข้าเกียร์ถ่วงไว้ รถหยุดอึดใจแล้วได้ยินเสียงเป๊าะเกียร์หลุด รถไหลลงเนิน พวกผู้หญิงกรีดร้องลั่น เหลียวมองข้างหลังสุดโค้งเป็นเหวลึก ผมกุมพระทั้งพวงตอนนั้นไม่รู้คาถาอะไรต่ออะไรท่องมั่วปากสั่นคอสั่น รถไหลเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงไม่กี่วินาทีเหมือนนานเป็นชั่วโมง เคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่บอกว่าคนพอจะตายจะมีเหงื่อกาฬไหล ผมพบเข้ากับตัวก็วันนั้นล่ะครับ เหงื่อเม็ดโป้งผุดเต็มหน้าเต็มตัว ฝ่ามืองี้เปียกไปหมด ผมถลึงตามองยอดไม้ในหุบเหวพุ่งเข้าหาตัว มือกุมเก้าอี้ไว้แน่น คิดว่าชีวิตนี้ไม่รอดแน่แล้ว"
แปลกเหลียวมองหาหญิงสาวผมยาวกับลูกสาว ทั้งคู่ไม่อยู่แล้ว เจ้าน้กเล่นกลเร่สีหน้าสลด แต่น้ำเสียงขึงขัง
"ชั่วไม่กี่วินาทีก่อนตกเหว รถสั่น ไหลช้าลง แล้วสะเทือนรุนแรงก่อนนิ่งสนิท พวกคนโดยสารกรูออกจากรถ ผมกระโดดออกทางหน้าต่างนั่นเลยเทียว ปรากฏว่าล้อหลังตกลงในหลุมขนาดใหญ่ ท้ายรถห้อยพ้นถนนไปแล้ว หากไม่มีหลุมนั่นดักไว้เราทั้งหมดคงไม่เหลือรอด พวกคนที่นั่งท้ายรถตะโกนโหวกเหวก ถามหาเด็กชายผมจุกสองคน คนหนึ่งผิวคล้ำอีกคนผิวขาวแต่งชุดไทย พวกเขาบอกว่าเด็กสองคนนั่นช่วยดันรถไว้ มองหากันใหญ่แต่ไม่มีใครพบเห็น ผมสะดุ้งวาบ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้ารัก-เจ้ายม ผมพนมมือท่วมหัวระลึกถึงหลวงพ่อ"
แปลกเหลียวมองคนดู ขวดรัก-ยมถูกส่งต่อจนรอบวง มีเสียงร้องถาม
"ทำพรือ ผมอยากได้ไว้บูชาบ้าง?"
แปลกเดินไปพนมมือรับขวดรัก-ยมจากคนถาม หันเดินไปทางม้าหมู่บูชาพลางบอก
"อยากได้ไว้บูชาผมไม่ขัดดอกครับ หลวงพ่อให้ผมมาก็เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้คนอยู่แล้ว แต่ขอร้องให้เป็นคนที่ต้องการจริง ๆ ไม่ใช่แค่นึกสนุก เลี้ยงเล่น ๆ หรือมีเจตนาใช้ในทางผิดศีลผิดธรรม อันตรายนะครับผมขอเตือน ของจะเข้าตัว"
แปลกกระพุ่มขวดรัก-ยมไว้ในมือพนมเหนือศีรษะแล้ววางลงบนพาน เหลียวถามคนดู
"ไม่ทราบใครอยากได้ไว้บูชาบ้างลองยกมือขึ้นครับ"
พวกคนดูยกมือทันที แปลกนับ
"หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก"
คนดูยกมือเพิ่ม แปลกเดินไปฉวยย่ามพระขึ้นมาจากม้าหมู่บูชา
"ผมไม่แน่ใจว่าในย่ามยังเหลืออีกสักเท่าไร คงให้ได้ไม่ครบทุกคน" เม้มริมฝีปากหนวดโค้งกระดก ขมวดคิ้วครุ่นคิด "เอายังงี้ก็แล้วกัน" ตวัดย่ามสะพายไหล่มือล้วงเข้าในถุงย่ามเดินกลับหาคนดู "หากผมจะขอเรี่ยไรเงินทำบุญ เอาไปให้หลวงพ่อได้ทนุบำรุงวัดสักเก้าสิบเก้าบาทสำหรับทอนรัก-ยมไว้บูชา ไม่ทราบใครมีใจกุศลร่วมบุญบ้างครับ?"
พวกคนดูลังเล บางคนหดมือลง หลายคนยังยกมือค้าง แปลกหยิบขวดรัก-ยมออกจากย่าม
"เตรียมเงินทำบุญไว้ด้วยครับ ผมจะเดินแค่รอบเดียว ไม่วนอีก หมดแล้วหมดเลย"
พวกคนดูที่ยกมือค้างรีบล้วงกระเป๋าสะตางค์ดึงธนบัตรใบแดงออกมา แปลกพนมมือส่งรัก-ยมให้ชายหนุ่มจมูกโด่งหน้าตาคมคาย รับธนบัตรใส่ลงในย่ามแล้วล้วงเหรียญบาททอนให้ ยิ้มมองชายหนุ่ม
"มีแฟนรึยังครับ?"
ชายหนุ่มยิ้มเขินส่ายหน้า แปลกหันบอกคนดู
"รัก-ยมมีคุณทางเมตตามหานิยม รับรองไม่เกินห้าวันเจ็ดวัน หนุ่มนี่มีเมีย"
พวกคนดูเฮลั่น แปลกเดินส่งรัก-ยมรับธนบัตรใบละร้อยไปเรื่อย ๆ ปากก็พร่ำบอกสรรพคุณและวิธีเลี้ยง
"คอยระวังอย่าให้น้ำมันจันท์ในขวดแห้งเทียวนะครับ" แปลกบอก "พ้นครึ่งขวดแล้วให้รีบหามาเติมอย่ารอจนถึงก้นขวด น้ำมันแช่รัก-ยมมีฤทธิ์ร้อยแปด ผมขออย่างเดียวใช้ในทางที่ไม่ผิดศิล-ธรรม หากใช้ไปทางผิดลูกผิดเมีย ต่อให้ของดีอย่างไรก็ไม่อยู่กับเราดอกครับ"
พวกคนดูที่ได้รัก-ยมพากันจ้องขวดในมือตน ขนลุกกรูเกรียว ไม้แกะเป็นคู่เด็กผมจุกขยับไปมาในน้ำมันจันท์ราวมีชีวิต แปลกเดินครบวง
"บอกแล้วว่าผมจะเดินรอบเดียว" เหลียวมองพวกคนดู "ไม่ต้องตาละห้อยครับ" ขยับมือก้มมองในย่าม "ยังมีอีกไม่มาก คงต้องเก็บไว้ให้ที่อื่นบ้าง"
พวกคนดูพากันส่งเสียงจอแจ ผลัดกันขอชมรัก-ยมในมือคนข้าง แปลกเหลียวมองคนดูอีกครั้งแล้วถอนใจ
"ติดที่เงินทำบุญไม่พอใช่มั้ยครับ?" หันเดินไปทางโต๊ะหมู่บูชา "เงินทำบุญไม่ใช่เรื่องสำคัญดอกครับ มีมากทำมาก มีน้อยทำน้อย ได้บุญเท่ากัน ก็เพราะบุญอยู่ที่ใจ อยู่ที่ความตั้งใจ เศรษฐีทำบุญเป็นหมื่นเป็นแสนแต่หากทำเพราะอยากได้หน้า สู้คนจนทำบุญบาทเดียวไม่ได้ บาทเดียวกลับได้บุญมากกว่าเพราะทำด้วยจิตศรัทธา ทำเท่าที่มี เงินหมื่นแสนอาจเป็นแค่เศษเงินของเศรษฐี แต่บาทเดียวของคนจนเป็นทั้งหมดที่มี ผลบุญต่างกันครับ"
แปลกปลดย่ามจะวางลงบนโต๊ะหมู่บูชา แต่แล้วเปลี่ยนใจ
"เอาล่ะ ผมจะเดินอีกรอบ ยังมีกลอีกหลายชุดจะแสดง อีกแค่รอบเดียวนะครับ คราวนี้ทุกคนคงร่วมบุญได้ ผมจะขอแค่ห้าสิบเก้าบาท ห้าสิบเก้าบาทเท่านั้น"
พวกคนที่พลาดโอกาสเมื่อรอบแรกรีบควักเงินรอ แปลกเดินพนมมือส่งขวดรัก-ยม รับเงินใส่ในย่าม
2
ตะวันสายแผดแสงจ้า ผู้คนถือตะกร้าจ่ายตลาดเดินสวนไปมา หน้าร้านน้ำชาป้าแต๋วสภากาแฟนั่งจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์รัก-ยมในขวดใบเล็กว่าของใครดูเหมือนมีชีวิตกว่ากัน ของใครศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน ของใครจับแล้วรู้สึกคล้ายมีพลังแฝงแผ่พุ่งออกมา ที่ใจกล้าหน่อยถึงกับท้าทายให้ลองปลุกเหมือนกับปลุกพระเครื่อง เสียงเพลงรักแล้งเดือนห้าของสายัณห์ สัญญาจากวิทยุทรานซิสเตอร์ยี่ห้อธานินทร์ดังขับกล่อมเหล่าสมาชิกสภา กาแฟค่อนแก้วเย็นชืดไปแล้ว เจ้าของหาได้ใส่ใจ ด้วยสายตาทุกคู่ยามนี้เอาแต่จับจ้องเด็กจุกแกะไม้ตัวเล็ก ๆ ในน้ำมันจันท์ พื้นลานหน้าตลาดสดเมื่อครู่ยังเต็มด้วยฝูงชนนับร้อยนั่งยืนล้อมวง ตอนนี้เหลือแต่เศษกระดาษหนังสือพิมพ์ปลิวร่อนลมกับไอ้ด่างหมาเฝ้าตลาดสายพันธุ์ไทยผิวหนังกระดำกระด่างแซมเรื้อนประปราย มันนั่งใช้ขาหน้าเกาข้างหูยุกยิก หรี่ตาจับจ้องคนสวมชุดขาวห้อยพระเต็มคอ
แปลกย่อเข่ามือกอบของเล่นเด็กออกจากร่างที่นอนนิ่งบนเสื่อกระจูด ฉวยชายผ้าขาวเลิกขึ้นแล้วเขย่าตัวคนนอน
"หลับสบายนะมึง กูทำงานเหนื่อยแทบตาย แทนจะนอนฟังเสือกหลับเสียนี่"
เจ้าคนนอนบนเสื่อตาปรือ งัวเงียชั่วครู่ก็ตาสว่างรีบลุกนั่งยิ้มแหย เจ้านี่ชื่อจ้อยผมหยิกผิวคล้ำตาคม อายุน่าจะสักสิบ-สิบเอ็ดขวบ เมื่อปีกลายพบแปลกไปเล่นกลแถวบ้าน เกิดชอบใจอยากเป็นนักเล่นกล เลยหนีออกจากบ้าน ติดตามแปลกมานี่ก็จะร่วมปีเข้าแล้ว
เจ้าจ้อยเป็นเด็กรู้งาน ลุกขึ้นก็เร่งเขยิบนั่งยองม้วนเสื่อ เก็บโต๊ะหมู่บูชา แปลกยกลังไม้วางลงพื้น เปิดฝาหยิบของเล่นเด็กโยนลงไป เจ้าจ้อยขมีขมันเก็บของปากก็ร้องถาม
"ก็ไหนน้าบอกจะไม่มาเล่นที่นี่อีกแล้ว"
แปลกหันขวับ ปลายหนวดกระดิกปากขยุกขยิก เลิกคิ้วข้างขวามองลูกน้องคู่ใจ
"กูบอกเมื่อไรวะ?"
"โธ่ ขี้ลืม" เจ้าจ้อยออกแรงดันลังไม้ครูดพื้น "น้าเล่นที่นี่ครั้งสุดท้ายเมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละ"
แปลกฉุกคิด เออ..จริงของมัน เล่นที่นี่ครั้งสุดท้ายผ่านมานานนักหนาแล้ว นานพอให้ความคิดถึงอัดแน่นเต็มหัวใจ เคยตั้งใจว่าจะไม่กลับมาอีกแต่สุดจะกล้ำกลืนฝืนทนอีกต่อไป บากหน้ามาครานี้อย่างน้อยแน่แล้วว่าไม่เสียเที่ยว
"กูมาพบคน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกะมึง เก็บของไปเหอะ" แปลกหับฝาลังไม้ดันสลักปิดแล้วลุกยืน "เอาของไปฝากไว้ร้านป้าแต๋ว แล้วกินข้าวกินปลาร้านข้าวแกงซะ กูจะไปธุระสักหน่อย"
เจ้าจ้อยพยักหน้า แปลกลูบปลายหนวดให้แน่ใจว่ายังโค้งงอนดีอยู่แล้วหันเดินตรงไปทางไอ้ด่างนั่ง ไอ้ด่างหมาเฝ้าตลาดกำลังใช้ขาหน้าเกาหลังหูเพลิน เห็นแปลกเดินตรงมาหากไม่หลบ ตามประสบการณ์มีหวังโดนเตะโทษฐานนั่งขวางทาง มันตะลีตะลานถอยหลบ แปลกเดินผ่านไปไม่สนใจ ไอ้ด่างลุกกระดิกหางวิ่งเหยาะตาม คงคิดไปว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่สอดแนมของหน่วยข่าวกรองตลาด
3
ลำคลองสายน้อยรินเรื่อยเอื่อยไหล สีน้ำขุ่นโคลนด้วยยามนี้ย่างแล้ง น้ำแห้งจนโคนรากลำพูโผล่ บัวเผื่อนบัวผันบานดอกอยู่ชิดติดข้างคลองราวจะหลบแรงคลื่นเมื่อเรือหางยาวผ่านมา เห็นไข่หอยโข่งสีส้มอมแสดเกาะเสาเรือนสลอน ชานเรือนทอดปักเสาลงในน้ำหลังคามีไม้เลื้อยเขาคันทอดปกคลุมทิ้งปลายทิ้งลูกห้อยระย้า สาว-หนุ่มนั่งพื้นบนเสื่อข้างตั่งไม้ บนตั่งมีแก้วน้ำใสยังเกือบเต็ม หญิงสาวผมยาวจมูกโด่งคิ้วเข้ม งามราวชลอเทพอัปสรลงมาจากสรวงสวรรค์ ผิวพรรณแทนเข้มคล้ำเหมือนหญิงสาวพื้นถิ่นกลับอมครีมอมน้ำตาลปานจะหวานหยาดเยิ้ม เจ้าสวมเสื้อคอกระเช้าสีหมากสุกจีบเสื้อทบทับขับนวลอกอวบอิ่ม ส่วนเจ้าหนุ่มหนวดโค้งนั่นไม่ใช่ใคร เจ้าแปลกนักเล่นกลเร่ของเรานั่นเอง
"ทำไมรีบกลับเสียล่ะลำพู"
แปลกถามทั้งจ้องคมตาสวยซึ้งแน่วนิ่ง สาวเจ้ากะพริบตาก้มหลบ เม้มริมฝีปากบอบบางแย้มยิ้มมุมแก้ม
"หนูแหวนแกอยากดู แต่อยู่นานไม่ได้ประเดี๋ยวตลาดวาย" เจ้ากล่าวเสียงแผ่ว
"เห็นลูกก็ว่าเล่นเสร็จจะกอดให้สมรัก ที่ไหนได้เหลียวหาอีกทีใจหวำ หายไปเสียแล้วทั้งแม่ทั้งลูก" ใจก็ใคร่กอดทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ แต่ชาตินี้คงไร้แล้วบุญได้กระทำจึงจำแสร้งเสกล่าว "ลูกอยู่ไหนล่ะลำพู?"
"ไปวิ่งเล่นบ้านยายเดี๋ยวคงมา"
แปลกมองสำรวจคนที่เคยร่วมเรียงเคียงหมอน เจ้างามงอนยังคมขำแน่งนวลไม่ต่างไปจากหลายปีก่อนแม้น้อย ผีห่าซาตานตนไหนนะที่ปิดตาบังใจมันเสียสิ้น มีที่อยู่ที่กินมีรอยยิ้มพริ้มเพราอยู่ข้างกายกระนี้กลับไม่อิ่มใจ ยังอยากเดินทางร่อนเร่เล่นกลต่างบ้านปานว่ารักความเปล่าเปลี่ยวเดียวดายยิ่งไปกว่าครอบครัว
"ลำพูสบายดีนะ"
สาวเจ้าพยักหน้า เจ้าแปลกจ้องไม่วางตา
"พี่มาหาลำพูบ่อย ๆ ได้มั้ย?"
ลำพูเจ้าก้มหน้านิ่ง แต่เสียงตอบนั้นอื้ออึงอยู่ในหัวเจ้านักเล่นกลเร่ เป็นคำปฏิเสธไม่เหลือเยื่อใย แปลกไม่ลดละ
"พี่รู้ว่าที่ผ่านมานั้นผิด อารมณ์ร้อนมุทะลุเกินไป ตอนนี้พี่ถึงเข้าใจ เมื่อมีลูก พ่อสมควรอยู่ดูแล ไม่ใช่ยังตระเวนร่อนเร่หยั่งงั้น.."
"พี่ไม่ต้องพูดแล้ว" ลำพูเจ้าขัดความ "กลับมานี่ พ่อให้เข้าบ้านก็บุญถม อีกอย่างตอนนี้มีคนที่จะดูแลหนูแหวนแล้ว เค้าเป็นตำ.."
"พอเถอะลำพู" หัวใจเจ้านักเล่นกลเร่หล่นกองตาตุ่ม เสียงร่ำร้องโหยหวนดังก้องอยู่ภายใน เมื่อกลับมาเห็นหน้าลูกอีกครั้งก็ตั้งใจว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่ว่าจะอย่างไรจะอดทน แต่การณ์มาเป็นไปกระนี้ "ปล่อยให้พี่จดจำลำพูด้วยภาพเดิม ๆ เถอะ แม้จะหลงพร่ำเพ้อสวมกอดอยู่กับรูปเงาก็ยังมีสุขว่าเป็นเงาของเรา ยังดีเสียกว่าได้รู้ว่ากระทั่งเงาก็ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ"
"พี่อย่าหว่านคารมอีกเลย คารมพี่เคยทำให้ลำพูหลงเชื่อ หลงตายใจมาครั้งนึง แต่น้ำตาก็ได้ล้างคราบนั้นจนลำพูตาสว่างแล้ว"
สาวเจ้าเชยคมตาจ้องไม่กะพริบ เหมือนปลายหอกปลายดาบทิ่มแทงเข้าในเนื้อใจ เจ้าแปลกปวดแปลบ เป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง มีเสียงฝีเท้าวิ่งมา ทั้งคู่หันมอง
เด็กหญิงตัวน้อย หน้าตาละม้ายแม่ยืนเกาะเสาระเบียง แปลกฉีกยิ้มส่งเสียงเรียก
"แหวนลูก"
เด็กหญิงเหลือบมองแม่ เห็นแม่พยักหน้าจึงโผเข้าสวมกอดพ่อ
สัมผัสนั้นละมุน บอบบาง น่าทะนุถนอม แปลกกอดลูกสาวตัวน้อยไว้แน่น ลูบผมลูบตัวหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กน้อยใบหน้าเหยเกดันตัวออกห่างเกาแก้มยุกยิก
"ทำไมล่ะ หนูแหวนลูก ไม่คิดถึงพ่อหรือ?" แปลกขมวดคิ้ว
"หนวดพี่น่ะสิ ตำแก้มลูก" ลำพูบอก
แปลกอึ้งอยู่ครู่แล้วหัวเราะลั่น "ไม่จูบก็ได้ ไม่จูบก็ได้ มาขอพ่อกอดที" ดึงลูกสาวมาไว้ในอ้อมกอดอีกครา
"อยู่กับลูกก่อน ลำพูจะไปทำกับข้าว" หญิงสาวขยับลุก
"พี่อยู่กินข้าวด้วยนะ" แปลกเงยหน้าบอก "คิดถึงกับข้าวฝีมือลำพูจะแย่"
ลำพูเจ้าแย้มยิ้ม หันกายเดินเข้าในบ้าน แปลกประคองลูกสาวไว้บนตัก
"ไหนพ่อดูหน้าชัด ๆ ซิ" วาดวาวผมของเด็กหญิงทัดข้างหู "สวยเหมือนแม่ไม่ผิดเพี้ยนเทียวนะลูกพ่อ"
เด็กหญิงไม่ได้ฟังมือกำลังลูบหนวดพ่อด้วยความแปลกใจ "พ่อหายไปไหนมาตั้งนาน?"
เจอะคำถามแรกแปลกผงะ ฝืนยิ้มกลบเกลื่อน "พ่อไปทำงาน นำความสุข ความหวังไปจ่ายแจกผู้คน"
"หนูแหวนเห็นพ่อแจกเงิน พ่อมีเงินตั้งเยอะทำไมยังต้องทำงาน ทำไมไม่อยู่กับแม่กับหนูแหวนล่ะคะ"
เจอะคำถามสองแปลกถึงเผลอมือเกาหัว ใจหนึ่งชอบใจความช่างซักช่างถามของลูก อีกใจสิจนคำตอบ พ่อผิดเองที่ไม่คิดอยู่กับลูกกับแม่ กลับรักร่อนเร่พเนจรทำตัวเป็นนกไร้รังทั้งมีคอนต้องดูแล ถึงวันนี้คิดกลับมาอยู่กับลูกให้สมเป็นครอบครัวก็สายไปแล้ว คิดไปชักน้ำตารื้น แปลกกะพริบตาถี่ไล่หยาดน้ำ จ้องมองวาวตาสวยใสตรงหน้า
"ไม่ว่ามีเงินมากมายสักเท่าไร เรายังต้องทำงานลูก งานทำให้ชีวิตมีคุณค่า" แปลกทอดถอนใจ พูดเสียงแผ่ว "พ่อเองก็อยากกลับมาอยู่กับลูกกับแม่ของลูก แต่คงเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว"
"ทำไมล่ะคะ?" เด็กน้อยสงสัย "พ่อเสกเงินได้ พ่อเป็นผู้วิเศษ ทำไมจะเสกให้พ่อกลับมาอยู่กับแม่กับหนูแหวนไม่ได้?"
แปลกยิ้มละห้อย "เงินกับพลังวิเศษซื้อความรักไม่ได้ดอกลูก แม่ของลูกไม่รักพ่อแล้ว.." สะอึกอั้นอยู่ในอกอยากระบายออกมา แต่แล้วยั้งใจ แย้มยิ้ม
"แต่พ่อรักลูก"
แปลกใช้สองมือจับใต้แขนยกเด็กหญิงลอยขึ้น "พ่อจะมาหาลูกทุกวันเลย" ลุกขึ้นหมุนตัว เด็กน้อยตัวลอยกลางอากาศส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
4
ตะวันชิงพลบลับดงไม้ไปแล้ว เสียงหรีดหริ่งเรไรร่ำร้องระงม แสงตะเกียงวิบวับจับเงาหน้าพ่อแม่ลูก แปลกอ้อยอิ่งเคี้ยวข้าวคำสุดท้าย เป็นมื้ออาหารอร่อยสุดในรอบหลายเดือน ได้กินข้าวพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกเป็นสุขกระนี้เอง นึกอยากย้อนเวลาให้ทุกอย่างกลับเป็นอย่างเดิมเสียจริง เด็กหญิงกระแซะข้างพ่อไม่ยอมห่าง ลำพูเจ้ารวบรวมจาน ยกสำรับคืนกลับเข้าครัว เด็กน้อยเอ่ยถาม "พรุ่งนี้พ่อแสดงกลอีกมั้ยคะ?"
แปลกยกแก้วน้ำขึ้นดื่มพยักหน้า เด็กหญิงกระตือรือร้น "พ่อสอนหนูแหวนเล่นกลบ้างสิ หนูแหวนอยากแสดงกลกับพ่อ"
"เอางั้นเหรอลูก" แปลกยิ้ม "งั้นวันพรุ่งพ่อจะมารับหนูแหวนแต่เช้า แล้วพ่อจะสอนหนูแหวนเล่นกล"
"จริง ๆ นะ" เด็กหญิงถามย้ำ
"จริงสิ"
"แม่บอกว่าพ่อชอบโกหก" เด็กน้อยหน้าเบ้
"แม่ว่างั้นรึ?"
เด็กหญิงพยักหน้า "แม่บอกว่าพ่อโกหกจนเคยปาก เห็นเป็นเรื่องปกติ ไม่คิดว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง"
"เอ่อ.." แปลกชักอ้ำอึ้ง เอื้อมยกลูกสาวนั่งตัก "ที่ไหนกัน พ่อเคยโกหกหนูแหวนรึเปล่าล่ะ?"
"พ่อบอกว่าจะกลับบ้าน แต่ไม่เคยกลับ"
เจ้านักเล่นกลเร่สะอึกอั้นในอก จริงดังคำลูก มันบอกลาลูกทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน 'อีกสองสามวันพ่อจะกลับมา' แต่แล้วก็หายไปเป็นเดือน บางครั้งสองสามเดือน มันทำอะไรลงไป ไม่เคยคิดเลยว่าช่วงเวลาที่ออกไปตะลอนเล่นกลสะสมเงินทอง ลูกสาวตัวน้อยกำลังนับวันคอยได้พบหน้าพ่อ มันกลับหลงเริงรมย์ย้ายโรงแรมไม่เว้นคืน เปลี่ยนหญิงร่วมนอนไม่ซ้ำคน
แปลกไม่อาจตอบคำ มือลูบผมเด็กหญิงตัวน้อยหลบตาเอ่อพรายน้ำเสมองท้องฟ้าราตรี
ท้องฟ้าคืนสี่-ห้าค่ำมืดสนิทเป็นสีนิล จันทร์เสี้ยวแขวนเคียวตรงขอบคุ้งฟ้าตะวันตก สะเก็ดดาวระยิบปานจะเอื้อมหยิบมาไว้ในมือ พลันมีดาวตกพุ่งวาบตัดคุ้งฟ้าลงตรงหน้า เด็กหญิงหลับตานิ่ง แปลกนึกฉงน รอจนขนตาโก่งงอนพริ้มเผยอ จึงเอ่ยถาม
"ทำอะไรน่ะลูก?"
"หนูแหวนอธิษฐาน" เด็กหญิงตอบ "แม่บอกว่าหากต้องการอะไร เมื่อเห็นผีพุ่งใต้ ให้หลับตาอธิษฐาน สิ่งนั้นจะเป็นจริง"
"แม่ว่างั้น?"
แปลกฉงนฉงาย ลูกสาวเม้มริมฝีปากพยักหน้าขึงขัง
"สอนลูกแปลก ๆ" แปลกพึมพำ "หากอธิษฐานขอทุกสิ่งทุกอย่างได้ คนเราก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว"
"ขอได้จริง ๆ" เด็กน้อยยืนยัน "เมื่อตอนยายไม่สบาย หนูแหวนอธิษฐานขอให้ยายหาย ยายยังหายเลย"
"หยั่งงั้นเชียว" เจ้าแปลกปั้นหน้าจริงจัง หายเพราะยาหมอน่ะสิไม่ว่า ไม่อยากขัดลูกสาวแต่อดปากไม่ได้ "หยั่งงั้นใครป่วยไข้ก็ไม่ต้องไปหาหมอ แค่อธิษฐานกับดาวตกก็หายแล้ว แต่ดาวตกก็ใช่จะมีกันทุกคืน ใครป่วยไข้มิต้องรอกันแย่รึลูก?"
"แม่บอกว่าหากมีเกณฑ์หายก็จะเห็นผีพุ่งใต้ หากไม่ ผีพุ่งใต้ก็จะไม่มาให้เห็น"
"ว่าเข้าไปนั่น" แปลกแขวะไปถึงผู้เป็นแม่ แล้วก็สะดุ้งใจ กระนี้เองอยู่บ้านเป็นได้ทะเลาะไม่เว้นวัน "เอาเถอะ..เอาเถอะ เมื่อกี้หนูแหวนอธิษฐานอะไรล่ะลูก มีใครในบ้านเจ็บไข้รึ?"
"เปล่าค่ะ" เด็กหญิงตอบ
"อ้าว..แล้วลูกอธิษฐานให้ใครล่ะ?"
"ให้พ่อ"
"ให้พ่อ!" แปลกผงะ
เด็กหญิงพยักหน้า แปลกถาม
"อธิษฐานว่าไง?"
"ไม่บอก"
"บอกหน่อยนา..นะ"
"ไม่บอก"
"เอาเถอะ..เอาเถอะ ไม่บอกก็ไม่บอก" แปลกอุ้มลูกสาวกระชับแขนแล้วลุกขึ้น "วันพรุ่งพ่อจะมารับแต่เช้า ลูกเข้านอนหัวค่ำเป็นไง"
เด็กหญิงพยักหน้าซบลงกอดพ่อไว้แน่น แปลกส่งลูกสาวเข้านอนแล้วร่ำไรอำลาแม่ของลูกพักใหญ่จึงได้ตัดใจจากมา
5
วันรุ่งกุลีกุจอไปรับลูกแต่เช้า พบเด็กหญิงตัวน้อยแต่งตัวคอยอยู่แล้ว เธอสวมกระโปรงบานลายลูกไม้สีชมพู รองเท้านักเรียนถุงเท้าการ์ตูน เสื้อขาวลายการ์ตูนชมพูมีสายเอี๊ยมพาดทับ คาดโบว์ชมพูรัดผม ลำพูจูงลูกสาวเดินออกมาจากชายคา "ลูกพ่อสวยจัง" แปลกอุ้มลูกไว้ในวงแขน เผลอหอมฟอดใหญ่
"อี๊..." เด็กหญิงร้อง
แปลกหัวเราะลั่น "ขอโทษ..ขอโทษ พ่อลืมตัวไป" หันเอาข้างแก้มคลึงแก้มลูกสาว แล้วบอกผู้เป็นแม่ "รีบไปก่อนนะลำพู สาย ๆ จะพามาส่ง"
"จ้ะ" หญิงสาวรับคำ "อย่าเถลไถลล่ะ จะเตรียมกับข้าวไว้รอ"
ยินคำ เจ้าแปลกเต็มตื้นหัวใจ อยากให้ตลอดชีวิตที่เหลือได้ยินคำนี้ทุกวัน รับคำแล้ววางเด็กหญิงลงเดินจูงมือลูกไปบนสะพานไม้เลียบลำคลอง
ด้านซ้ายเป็นพุ่มไม้ริมฝั่ง นกกางเขนดง นกสีเสียด นกกระจิบพากันกระโดดส่งเสียงร้องโต้ตอบกัน ข้างขวาสายน้ำไหลเอื่อยระดับน้ำลดต่ำเห็นโคนไม้
"หนูแหวนว่ายน้ำเป็นรึยังลูก?" แปลกถาม
"เป็นแล้วค่ะ"
"ใครสอนลูกว่ายน้ำล่ะ?"
"หนูแหวนหัดเอง" เด็กหญิงตัวน้อยตอบมาดมั่น "หนูแหวนลงเล่นน้ำกับแม่ แล้วว่ายไปหาแม่"
"ยังงั้นแม่ก็เป็นคนสอนน่ะสิ"
"ไม่ใช่" เด็กน้อยค้าน "หนูแหวนว่ายเป็นเอง"
แปลกส่ายหน้าแย้มยิ้ม "เก่งจริงลูกพ่อ"
สองพ่อลูกเดินคุยกันไป ทักทายคนผ่านทางซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่เคยรู้จักกันมาก่อน จนถึงหัวตลาด เจ้าจ้อยผู้ช่วยสำคัญตระเตรียมสถานที่ไว้แล้ว มีคนหยุดมุงรอดูอยู่หลายคน แปลกตรงเข้ากลางวงโดยไม่เฉลียวใจเลยว่าวันนี้มีบางอย่างเปลี่ยนไป
ตรงไปหยิบธูปหน้าโต๊ะหมู่บูชา รวบปลายธูปจี้พนมเทียน สักครู่เปลวไฟลุกวาบ แปลกแบ่งธูปส่งให้ลูกสาวนั่งข้าง แล้วพนมมือบริกรรมคาถา รับธูปจากเด็กหญิงปักลงในกระถางหน้าพระพุทธรูป หันส่งยิ้มกระดกหนวดให้ลูกสาวตัวน้อย
"ยืนข้าง ๆ พ่อแล้วคอยทำตามพ่อบอกนะลูก"
เด็กหญิงพยักหน้า ขยับลุกขึ้นแต่เสียหลักต้องใช้มือยันพื้น แปลกเอื้อมประคองลูกสาวจูงแขนพาเดินมากลางวง ยกมือพนมหมุนตัวไหว้คนรอบวง เด็กหญิงทำตามพ่อ เจ้าผู้พ่อก้มหน้าพนมมือไหว้ผู้ชมพลางเหลือบมองลูกสาวตัวน้อยแล้วอมยิ้ม คิดอยากอุ้มมาหอมแก้มสักฟอด ติดที่หนวดโค้ง แปลกเผลอลูบปลายหนวดด้วยเคยมือ ไว้มาหลายปี ก็หากหนวดมันเกะกะนักทำหอมแก้มลูกไม่ได้จะตัดเสียรู้แล้วรู้รอด
ผู้คนปรบมือพูดคุยส่ำเสียงไม่เป็นศัพท์ พวกเด็ก ๆ สะกิดกันมองเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียว มีบางคนเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนชั้นป.1 กับหนูแหวน
"วันนี้ผมมีผู้ช่วยคนใหม่" แปลกบอกผู้ชม ผายมือทางเด็กหญิง "ลูกสาวผมเองครับ"
ผู้ชมปรบมือดังยิ่งขึ้น เด็กหญิงยิ้มขวยเขินพนมมือถอนสายบัวอย่างที่แม่เคยสอน แปลกประกบมือพนมค้างไว้ขณะพูด
"กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์รัตนไตรซึ่งเลิศแล้วสุดภพจบแดนหาใดเสมอเหมือน กราบพระภูมิเจ้าที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งดูแลปกปักรักษาสถานที่แห่งนี้ให้ร่มเย็นตลอดมา กราบครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา กราบผู้ทรงวิทยาคุณซึ่งอาจแฝงตัวสถิต ณ บริเวณนี้ ไม่ว่ามีวัตถุมงคลเครื่องลางของขลังใดพกติดกายมา ขอได้ผนึกไว้กับตัว เราล้วนศิษย์มีอาจารย์ ไม่ว่าวิชาอาคมใดล้วนใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ขออย่าใช้เพื่อการทำลายกันเลย"
แปลกกวาดตามองผู้ชมคล้ายส่งกระแสจิตตรงยังทุกสายตาที่ยืนดูอยู่รายรอบ สีหน้าขึงขัง เรียวหนวดโค้งงอนสะกดผู้คนหยุดส่งเสียงพูดคุย กำลังจะพูดต่อแต่แล้วก็ไอแค็ก ๆ หันบอกกับลูกสาว
"หนูแหวนลูก ไปเอาแก้วที่เจ้าจ้อยให้พ่อหน่อย"
เด็กหญิงเม้มริมฝีปากพยักหน้ารีบวิ่งไปที่เจ้าจ้อย แปลกยิ้มมองตาม มือลูบเรียวหนวด "ระคายคอแฮะ"
หนูแหวนได้แก้วใสวิ่งตรงมายื่นให้พ่อ
"ถือไว้นะลูก" แปลกเดินส่ายตาหา คว้าแขนชายวัยกลางคนยืนกอดอก "ขอน้ำหน่อยนะครับ"
ชายวัยกลางคนงงงวย ปล่อยให้เจ้านักเล่นกลเร่คว้าแขนโยกขึ้นโยกลง
"หนูแหวนลูก เอาแก้วมารองน้ำด้วย" บอกกับลูกสาว
เด็กหญิงตัวน้อยรีบเอาแก้วยื่นออกไป
"ที่ปลายนิ้วนะลูก" แปลกบอก ขยับมือชายวัยกลางคนให้ตรงแก้วแล้วทำเสียงทอดยาว
"ฉี่"
มีน้ำไหลออกจากมือชายวัยกลางคนราวกับนิ้วเป็นก๊อกน้ำเล็ก ๆ ได้น้ำแค่ก้นแก้ว แปลกโยกแขนชายวัยกลางคนอีกครั้ง
"อย่าอั้นสิครับ ขออีกหน่อย"
คนดูพากันหัวเราะ คนถูกโยกแขนสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แปลกขยับปลายนิ้วหาปากแก้ว ทำเสียง "ฉี่" น้ำไหลออกจากปลายนิ้วจนได้ครึ่งแก้ว แปลกปล่อยแขน
"ขอบคุณครับ" รับแก้วน้ำจากเด็กหญิงส่งสายตาหวานจ๋อย "ขอบคุณครับหนูแหวน" เด็กหญิงยิ้มเอียงอาย
แปลกยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แต่แล้วพ่นพรวด
"เค็มจัง" สีหน้าเหยเก ส่งแก้วให้ชายวัยกลางคน "ดื่มเองเถอะครับ ผมไม่เอาแล้ว คนอะไรเค้มเค็ม"
พวกคนดูฮาลั่น ชายวัยกลางคนรับแก้วมาถือ อยากลองชิมแต่ก็ลังเล คนดูพากันคะยั้นคะยอ ที่สุดชายวัยกลางคนยินยอมยกแก้วขึ้นจิบ สีหน้าผะอืดผะอม
"หนูแหวนอยากมีเวทมนตร์เสกโน่นเสกนี่ได้เหมือนพ่อครับ" แปลกจูงมือเด็กหญิงเดินมากลางวง "อันที่จริงเรื่องพวกนี้หากจะศึกษาต้องใช้เวลาหลายปี แต่วันนี้ผมตัดสินใจสอนเวทมนตร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ลูก จะได้สืบทอดรักษาไว้ไม่ให้สูญหาย" ก้มมือท้าวเข่าถามลูก "เอาคาถาอะไรก่อนดีลูก เสกกระต่ายดีมั้ย?"
เด็กหญิงเลิกคิ้วแล้วยิ้มพยัก แปลกเดินมาทางเจ้าจ้อย เจ้าผู้ช่วยสำคัญรู้งาน หยิบกล่องไม้สีดำยื่นให้ แปลกรับมาควงหมุน โยนขึ้นบนอากาศแล้วรับไว้ หันปากกล่องให้ผู้ชมสำรวจว่าข้างในว่างเปล่า แปลกชี้มือ เจ้าจ้อยรีบหยิบเก้าอี้มาวาง เจ้าหนุ่มนักเล่นกลเร่วางกล่องไม้ลงบนเก้าอี้ เดินไปหยิบผ้ากำมะหยี่ยื่นให้ลูกสาวแล้วก้มกระซิบ เด็กหญิงรับผ้า ตั้งใจฟังพ่อ พยักหน้าหงึก ๆ
"เอาล่ะครับ" แปลกหันบอกกับผู้ชม "หนูแหวนแม่มดน้อยจะเสกกระต่ายออกมาจากกล่องเปล่า ณ บัดนี้"
เด็กหญิงสีหน้ากังวลเหลือบมองพ่อ แปลกพยักยิ้มให้กำลังใจลูกสาว สองมือประคองส่งลูกเดินหากล่องดำ
หนูแหวนกระหยับผ้าในมือค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหากล่องดำ มือกุมขอบผ้าผึ่งออก หันให้คนดูแล้วสะบัด เจ้าแปลกยิ้มชอบใจ หนูแหวนคลุมผ้าปิดกล่อง แปลกเดินเข้าไปดึงชายผ้าให้เข้าที่ แล้วถอยออกมาบอกกับลูก
"เอาเลยลูก ว่าคาถา"
เด็กหญิงชี้นิ้วไปที่กล่องดำหมุนวนสามรอบปากท่องคาถาสั้น ๆ ที่พ่อบอกไว้ แล้วเดินเข้าไปกุมชายผ้า พวกคนดูเงียบเสียงพากันจ้องกล่องดำ หนูแหวนกลั้นหายใจกระตุกชายผ้า
ผ้ากำมะหยี่ดำคลี่ปลิวเปิดขึ้น
หนูแหวนใจเต้นระทึก ค่อย ๆ ย่องเข้าไปหากล่องดำ หันมองพ่อ แปลกพยักหน้าให้กำลังใจ เด็กหญิงชะโงกมองเข้าในกล่อง แล้วดวงตาสวยใสก็เป็นประกาย หันมายิ้มให้พ่อ แปลกยืนลูบเรียวหนวดปากฉีกยิ้มถึงหู
เด็กหญิงเอื้อมสองมือเข้าในกล่องรวบกระต่ายขาวขนปุกปุยขึ้นมาอุ้ม พวกคนดูปรบมือส่งเสียงร้องชอบอกชอบใจ แปลกปรบมือบอกลูก
"ขอบคุณคนดูด้วยลูก"
เด็กหญิงอุ้มกระต่ายขาวย่อเข่าถอนสายบัวให้คนดูครั้งแล้วครั้งเล่า แปลกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยิ้มไม่ยอมหุบ ยืนมองลูกสาวคล้ายจะเห็นใบหน้าแม่ลอยมา หัวใจพันผูกนั้นเต็มสุข อยากอยู่กับลูกจนโตเป็นสาว คงสวยไม่แพ้แม่ แต่จะทำอย่างไรดี ลำพูกำลังจะหาพ่อใหม่ให้ลูก พรากลูกไปจากอกพ่อ จะทำอย่างไรดี เจ้าแปลกยิ้มค้างยืนตาเหม่อลอย เด็กหญิงร้องถาม
"หนูแหวนเอาไปเลี้ยงได้มั้ยคะพ่อ?"
"ได้สิลูก" แปลกสะดุ้งภวังค์ ยิ้มเดินหาลูก "กระต่ายตัวนี้เป็นของลูกก็ลูกเสกมันมานี่นา"
"หนูแหวนเสกมันจริง ๆ หรือคะ?"
"เปล่าหรอกเจ้าจ้อยใส่ไว้.." แปลกสะดุ้งเฮือกรีบกลืนคำพูดลงคอ "เอ่อ..ปละ ปละเปล่า เจ้าจ้อยมันใส่.." เอาอีก คำพูดหลุดออกปากโดยไม่ตั้งใจ แปลกตาลีตาเหลือกเหลียวมองคนดูแล้วยิ้มแหย
"ให้เจ้าจ้อยก่อนเถอะลูก" ส่งสายตาเรียกผู้ช่วย เจ้าจ้อยวิ่งเข้ามารับกระต่ายไปจากหนูแหวน แปลกกุมมือลูกสาว ทั้งสองโค้งให้คนดู รับเสียงปรบมือรอบวง ยินเสียงร้องถามมาจากคนดู
"วันนี้ไม่แจกเงินอีกเหรอ?"
"ไม่แจกแล้วครับ" แปลกยิ้มตอบ "ผมเองยังชักหน้าไม่ถึงหลังจะเอาที่ไหนมาแจก" รีบหุบปาก "ปละ..เปล่าครับ ผมหมายถึงเอาไว้วันหลังจะแจกอีก" ยิ้มแหยเหลียวมองเลิ่กลั่ก มันเกิดอะไรขึ้น! แปลกเลิกคิ้วซ้ายทีขวาทีขบคิดด้วยความมึนงงสงสัย
พวกคนดูเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนล้อมเต็มวง ยิ่งกิติศัพท์เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของรัก-ยมถูกเล่าต่อกันไป ผู้คนยิ่งสนใจพากันมามุงดู หลายคนอยากมีไว้บูชา พวกที่ได้ไว้เมื่อวันวานยังมีคำถามข้องคาใจก็สมทบเข้ามา จนคนดูยามนี้มากกว่าวันวานสองถึงสามเท่า
"ผมอยากได้รัก-ยมไว้บูชา" คนดูนั่งด้านหน้าร้องถาม "ยังมีอีกมั้ยครับ?"
"ยังมีอีกเยอะครับ" แปลกตอบ
"อ้าว..ไหนเมื่อวานบอกว่าเหลือนิดเดียวแล้ว จะเอาไปให้ที่อื่นบ้าง" ป้าเทืองแม่ค้าของชำในตลาดข้องใจ
"ที่ไหนกันครับ" แปลกลอยหน้าลอยตาตอบ "ผมสั่งไว้เป็นกุรุด.." รีบยั้งปาก "ปละ..เปล่าครับผมหมายถึงว่า.." คิดอะไรไม่ออก "ยังมีอีกเยอะ.." เฮ้ย! ปากมันพูดออกไปเอง แปลกฝืนยิ้มทั้งขบฟันไว้แน่น พวกคนดูอ้าปากค้าง มีเสียงถามต่อ
"ผมให้ข้าวให้น้ำเรียกมากินทุกมื้อ ไม่ทราบต้องให้ผลไม้ด้วยมั้ยครับ?"
"เรากินอะไรก็ถวายนั่นล่ะครับ ไม่ต้องมาก" แปลกตอบ "แค่ทุกครั้งที่กินก็อย่าลืมแบ่งให้เค้าด้วย คิดเสียว่ามีลูกตัวเล็ก ๆ ต้องเลี้ยงดูน่ะครับ"
"แล้วตอนผมกินเหล้าล่ะ?" ลุงเหล่บ้านโคกทองร้องถาม
"เด็กน่ะครับ กินเหล้ากินยาไม่ดี อย่าถวายเลย" แปลกตอบ "อันที่จริงไม่ต้องคิดมาก ให้ก็ได้ไม่ให้ก็ได้ ก็แค่ไม้รักไม้ยมแกะหยาบ ๆ เท่านั้นเอง"
"อ้าว..ไหนว่าหลวงพ่อท่านปลุกเสก" ป้าเทืองคนเดิมข้องใจอีก
"ที่ไหนกันล่ะครับ" แปลกลอยหน้าลอยตา "จ้างชาวบ้านช่วยกันแกะได้ครบพันก็ส่งมาให้ผมทีนึง.." ชักไปกันใหญ่ แปลกขบฟันสุดฤทธิ์ แต่ริมฝีปากยังพยายามเผยอ แปลกเกร็งขอบปากเต็มที มุมปากยังพยายามอ้าออก เจ้านักเล่นกลเร่รีบเอามือกุมปากไว้
พวกคนดูอ้าปากค้าง ป้าเทืองแม่ค้าของชำในตลาดรีบควานกระเป๋า "ทำหยั่งงั้นได้ไง ชั้นขอเงินของชั้นคืน" มือสั่นรั่วก้มหน้าก้มตาค้นขวดรัก-ยมในกระเป๋า
แปลกตะลึง เหลียวมองรอบวง ตอนนี้คนดูพากันจ้องเขม็ง บางคนกำขวดรัก-ยมไว้แน่นเตรียมขว้าง แปลกกลอกตาไม่รู้แก้ประการใด จะอธิบายก็กลัวบังคับปากไม่ได้จะยิ่งเละ แต่หากไม่พูดท่าจะยิ่งเลวร้าย เจ้านักเล่นกลเร่ค่อย ๆ เลื่อนมือออกจากปาก เรียวหนวดที่เคยโค้งได้รูปยามนี้ยุ่งเหยิงหงิกงอ
"พ่อคะ"
แปลกสะดุ้งเฮือกเหลียวมองลูกสาว เด็กน้อยยังติดใจเรื่องกระต่ายที่ตัวเองเสกขึ้นมา
"กระต่ายมันมาจากไหนคะ?"
"เจ้าจ้อยมันใส่ไว้ที่ก้นกล่องน่ะลูก" ปากตอบทันควัน แปลกชักหัวเสีย ตะคอกลูก "หนูแหวนลูก อย่าเพิ่งถามอะไรได้มั้ย!"
เหลียวมองคนดู พวกที่กำขวดรัก-ยมไว้แน่นถลึงจ้องเขม็ง หลายคนร้องเป็นเสียงเดียว
"เอาเงินคืนมา!"
แปลกยักแย่ยักยันมือกุมปาก จะอธิบายแก้ตัวก็กลัวปากจัญไรจะพาไปกันใหญ่ หันมองลูกสาว เด็กหญิงยืนก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น แปลกหัวใจแหลกสลาย
"หนูแหวนลูก!" ก้มลงหมายกอดปลอบลูก
"พ่อดุหนูแหวน หนูแหวนเกลียดพ่อ!" เด็กหญิงร่ำร้องทั้งใบหน้าเปียกปอน วิ่งหนีฝ่าคนออกไป
แปลกตะลึงงัน ตะโกนเรียก "หนูแหวนลูก!" แต่ลูกสาวลับหายไปหลังกลุ่มคน แปลกรีบวิ่งตามออกไป "หนูแหวน..หนูแหวนลูก!"
วิ่งร้องเรียกหาลูกไปตามถนน เด็กหญิงหายลับไปจากสายตา แปลกหันรีหันขวาง ไม่รู้ลูกสาววิ่งไปทางไหน ได้แต่ตะโกนเรียกสุดเสียง ตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พวกชาวบ้านร้านตลาดพากันออกมายืนดู แปลกไม่สนใจ วิ่งไปวิ่งมา ปากก็ร้องเรียกหา วิ่งจนสิ้นเรี่ยวหมดแรง ที่สุดโซซัดโซเซกลับมาที่เดิม พบเจ้าจ้อยสภาพยับเยินนั่งพิงเสาไฟฟ้า ข้าวของกระจัดกระจายถูกเหยียบทำลายไม่มีชิ้นดี
เจ้านักเล่นกลเร่คุกเข่าลงกับพื้นหอบหายใจระโหยโรยแรง
6
"น้าไม่ลองตามไปดูที่บ้าน อาจกลับบ้านไปแล้วก็ได้" เจ้าจ้อยดันฝาเกลียวหมุนติ้ว รินกวางทองน้องแม่โขงเติมใส่แก้วให้ลูกพี่ พรายอำพันลัดเลาะรินไหลโอบกอดก้อนน้ำแข็งเป็นเลื่อมเงา เจ้าจ้อยยกขวดโซดารินตามลงไป แล้วใช้โคนช้อนคน เม็ดฟองโซดาดีดตัวออกจากแก้ว ยังไม่ทันชักช้อน แก้วก็ถูกคว้ายกซดรวดเดียวหมด แปลกวางแก้วคืนที่เก่า ถลึงจ้องเจ้าผู้ช่วย
"มึงคิดว่ากูม่ายด้ายไปดูเรอะ!" เสียงอ้อแอ้เพราะยกซดยกซดจนหมดไปแบนแล้ว "เมียกูค้าวบอกยังม่ายเห็นมา กูน่ะเทียวล้ายเทียวขื่อตามหาโจนค่าม ลูกกูหาย หนูแหวนลูกพ่อ"
"ลูกน้าอาจอยู่ในบ้านก็ได้ เมียน้าอาจไม่อยากให้น้าพบลูก"
ยินกระนี้แปลกสะอึก จริงสิ..ไม่ทันคิด หรือลำพูโกรธขัดขวางไม่ให้พบหน้าลูกอีก นึกขึ้นมาก็น้อยน้ำใจ กลับมาเพราะอยากเห็นหน้าอยากอยู่ใกล้ ๆ ลูก ไม่ทันสุขให้สมใจก็มาเป็นไปเสียกระนี้ รู้งี้สู้เตลิดเปิดเปิงไปตามบุญตามกรรมมิดีกว่า
"เว้ย!" เจ้านักเล่นกลเร่ออกโทสะ "ไม่ห้ายโพ้บก็ไม่ต้องโพ้บสิวะ คล้ายจาปายง้อ กูจาตะลอนตะลุยไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำไม่กลับมาอีกเลย มึงคอยดู"
"น้าก็บอกหยั่งงี้มาหลายเที่ยวแล้ว เห็นกลับมาทุกที" เจ้าจ้อยคลำหัวบวมปูดเป็นลูกมะนาว ขอบตาช้ำ ปากช้ำบวมขยับพูดลำบากยากเย็น ควานน้ำแข็งเติมแก้วแล้วรินเหล้า
"เออ!" แปลกเรอกลิ่นแกงส้มผสมกลิ่นกวางทอง "ครั้งนี้จาเป็นครั้งสุดท้ายมึงคอยดู มึงคอยดู" เจ้าจ้อยยังไม่ทันรินโซดา แปลกคว้าแก้วซดพรวด "กูก็มีวิชาพอตัว ไม่เคยคิดกลัวเรื่องทำมาหากิน ไม่ง้อหรอกเว้ย เมียกูค้าวกามลางเห่อผัวหม่าย คิดนอกจายกู ชะช่า คงคิดสิว่าด้ายผัวเป็นเจ้าเป็นนายแล้วจาสุขซาบาย กูจาบอกไว้นะเฮ้ย ชีวิตมายมวยสากลม่ายช่ายมวยทาย มันต้องชกกานนาน ชกกานหลายยก กูน่ะถึงจานานครั้งกลับบ้านทีแต่ก็ไม่เคยคิดมีบ้านเล็กบ้านน้อย กูน่ะร้ากเดียวจายเดียว มีเมียโคนเดียวในหัวจาย เจอะพวกโร้ดฟายเรือเมล์ลิเกตามรวจเข้าเหอะ แล้วจารู้สึก"
แปลกวางแก้วคืนให้เจ้าจ้อย แต่หัวคล้ายจะควงสว่านร่างส่ายโงนเสียหลักหงายหลังข้อศอกยันพื้นขาลอยเกือบร่วงตกแคร่
"วานพรุ่งมึงรีบเก็บข้าวของ" แปลกยกนิ้วชี้ส่ายตรงหน้า "เราจาปายแต่ช้าวแล้วจาไม่กลาบมาอีก มีผัวหม่าย ชิชะ กูจาม่ายกลับมาเหยียบบ้านหลางน้านอีก"
ปากพูดแต่ขาหาได้เป็นไปตามปาก อีกไม่ทันครึ่งชั่วยามเจ้านักเล่นกลเร่ก็ตุหรัดตุเหร่เดินแทบไม่ตรงทางก้าวสะเปะสะปะหน้าทีหลังที แต่ก็ถ่อมาจนถึงบ้านที่เคยเป็นเรือนรัก
แหงนมองหลังคาเรือนก็ให้คิดถึงเมื่อครั้งแรกรักลำพูเจ้า งามนั้นเกินกว่าสาวใดในย่านชายน้ำ ไม่ว่าเดือนหงายเดือนคว่ำ สู้อุตส่าห์ลุยน้ำลุยโคลนมาหา ขอแค่ได้สนทนาสักชั่วครู่ชั่วยาม ค่ำใดมิได้พบหน้า เห็นหลังคาก็คล้ายจะเห็นเจ้าลำพูเยื้องกรายอยู่ในบ้าน พอได้เก็บไปนอนฝันหวานซ่านใจ
แสงเดือนซีดจางสาดส่อง สุมทุมพุ่มไม้ตะคุ่มเงา เจ้าแปลกน้ำตารื้น คงยากกลับคืนมาหาแล้ว ก็เมื่อลำพูเจ้ามีหมายใหม่ ทุกอย่างที่คิดตั้งใจไว้เป็นอันสายเกินการณ์ ใจหญิงนั้นช่างเหอะ เจอะขอนใหม่ก็รีบคว้า ข้างหน้าจะเป็นเยี่ยงไรไหนเลยแน่น้ำใจ แต่ลูกนี่สิ ลูกยังเล็กนัก หรือลักลูกไปเสียค่ำนี้ เจ้าแปลกคิดขึ้นมาตาลุกวาว แหวกดงไม้หมายย่องเข้าในบ้าน
ยังไม่ทันพ้นดงไม้ก็ต้องชะงัก รีบดึงชายเสื้อเช็ดปากเช็ดหน้า ลูบผมลูบหนวด โผออกไประเบียงท่าน้ำ
"หนูแหวนลูก ลูกออกมานั่งทำอะไรค่ำ ๆ มืด ๆ ดูสิ เดี๋ยวก็ต้องน้ำค้างได้หวัดได้ไข้" โผเข้าโอบลูกขึ้นมากอด มือลูบผมหมายไล้ไล่พรำน้ำค้าง
"พ่อ" เด็กหญิงกอดพ่อไว้แน่นแล้วดันตัวออกหาก "พ่อเหม็น"
แปลกผะอืดผะอม ไม่น่ากินเหล้าเข้าไปเลย ชักหน้าออกห่างลูก พยายามพูดแบบไม่อ้าปากกว้าง "เมื่อเช้าพ่อตามหาแทบแย่ พ่อขอโทษ"
หนูแหวนพยักหน้า มือลูบหนวดพ่อ แปลกวางลูกลง
"ออกมานั่งตากน้ำค้างทำไมล่ะลูก ทำไมไม่เข้านอน" พยายามบังคับน้ำเสียงให้ปกติ
"หนูแหวนออกมาคอยผีพุ่งใต้"
"ผีพุ่งใต้?" แปลกฉงน "คอยทำไมล่ะลูก? หนูแหวนจะอธิษฐานขอพรหรือ?"
"ค่ะ" เด็กน้อยพยักหน้าตาปรือ
"ดูสิ ตาปรือออกหยั่งงี้ เข้านอนเถอะลูกไว้ค่ำพรุ่งค่อยอธิษฐานก็ได้"
"ไม่ค่ะ หนูแหวนต้องอธิษฐานวันนี้"
"เรื่องอะไรล่ะลูก ทำไมถึงสำคัญนัก?"
"หนูแหวนจะถอนพรที่ขอไว้เมื่อคืน"
"เมื่อคืนลูกขอพรไว้ว่าไงล่ะ?"
"หนูแหวนไม่อยากให้พ่อพูดโกหกอีก อยากให้พ่อกลับมาหาหนูแหวน"
แปลกสะอึก คิดถึงปากจัญไรพาจนเมื่อเช้า หากจะให้เชื่อว่าเป็นเพราะแรงอธิษฐานของลูกก็ดูไร้เหตุผลเกินไป แต่ว่าก็ว่าเหอะไม่รู้ปากเป็นอะไรของมัน แปลกอุ้มลูกขึ้นแนบอก
"โถ ๆ ๆ หนูแหวนลูก" มือลูบหลังลูกเบา ๆ "พ่อจะไม่ไปไหนอีกแล้ว พ่อจะอยู่กับหนูแหวนทุกวัน ไม่ให้ลูกต้องคอยพ่อกลับอีกแล้ว แต่พ่อสิ พ่อจะคอยลูกกลับจากโรงเรียน จะไปรับไปส่งลูกทุกวัน"
"พ่อจะไม่ไปไหนอีกแล้ว พ่อพูดจริงนะคะ" เด็กหญิงแนบหน้ากับบ่าพ่อ
"จริงสิลูก เมื่อเช้าลูกก็เห็น พ่อไม่พูดโกหกอีกแล้ว" แปลกยิ้มผะอืดผะอม บอกไปทั้งยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอย่างไรดี "หนูแหวนจะถอนพรเสียทำไมล่ะลูก?"
"หนูแหวนไม่อยากให้พ่อดุหนูแหวน.."
"ไม่แล้วลูก พ่อไม่ดุอีกแล้ว" แปลกรีบบอก มือเคาะก้นลูกเบา ๆ
"พ่อ.."
"อะไรลูก?"
"พรุ่งนี้เราไปเล่นกลอีกนะคะ"
"เอ่อ.." แปลกอ้ำอึ้ง
"นะคะ"
"เอ่อ..คงไม่มีใครดูเราแล้วล่ะลูก"
"มีสิคะ..พ่อเป็นยอดนักเล่นกลต้องมีคนมาดูแน่ ๆ นะคะ พรุ่งนี้เราไปเล่นกลกันอีก"
"จ้ะ ๆ" แปลกรับคำ รับทั้งคำทั้งใจทั้งยังฉงนว่าจะทำอย่างไร
"หนูแหวนจะหัดเล่นกลอย่างพ่อ เล่นกลให้เก่งอย่างพ่อ แล้วหนูแหวนจะเสกให้เรามีบ้านโต ๆ เสกให้พ่อมาอยู่กับเราทุกวัน เสกให้แม่มีน้องเล็ก ๆ น่ารักสักคน พอพ่อแก่หนูแหวนจะเล่นกลแทนพ่อเอง หนูแหวนจะ.."
หลับไปแล้ว
แปลกโยกตัวช้า ๆ ฝ่ามือเคาะก้นลูกเบา ๆ สม่ำเสมอ กลิ่นหอมอ่อนกรุ่นจาง นิ่มเนื้อของลูกน้อยน่าทะนุถนอมอยู่ในอ้อมแขน ตั้งแต่ลูกเกิดไม่เคยกล่อมลูกนอนสักที เจ้าผู้พ่อมิรู้เพลงกล่อมเด็กเป็นเช่นไร ได้แต่ร้องเพลงเคยปาก..
"นอนเสียเถิดลูกนอน อย่ามัวอาวรณ์อาลัยใจหวั่น มองฟ้าคืนนี้ไม่มีดวงจันทร์ จะกล่อมจอมขวัญด้วยเพลงชาวนา จะกล่อมจอมขวัญด้วยเพลงชาวนา ฮ้า เอ้า ฮ้าไฮ้
กระท่อมปลายนาหลังคามุงจาก พื้นปูด้วยฟากไม้ไผ่ มันเป็นรังรักของเราชาวนาไร่ นอนเสียเถิดดวงใจจะกล่อมให้ลูกนอน เห่ เฮ เฮ เห้ เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เห้ เฮ เฮ เฮ เห่ เห.."
เสียงเพลงเจ้านักเล่นกลเร่แผ่วแว่ววังเวงไปในท้องฟ้าราตรีประดับดาว ดวงดาราระยิบกะพริบพรายราวจะพากันสดับเสียงร่ำไห้ของหัวใจเหว่ว้าอาวรณ์ พลันดาวดวงร่วงหล่นเปล่งประกายแสงเจิดจ้าตัดคุ้งฟ้า
แปลกพริ้มตาอธิษฐาน หยาดน้ำร่วงพราว
7
แทนเก็บข้าวของออกเดินทางแต่เช้า เจ้าจ้อยถูกสั่งให้ตระเตรียมที่ทางสำหรับเปิดการแสดง ท้องฟ้าฟุ้งหม่นด้วยมากเมฆบังอรุณ เจ้าจ้อยยักแย่ยักย้นมัดต่อขาโต๊ะขาเก้าอี้ประกอบกันพอให้ใช้การได้ เลือกหาอุปกรณ์เล่นกลที่ยังไม่เสียหายวางไว้ใกล้มือเผื่อลูกพี่ใช้สำหรับแสดง มีเด็กเสื้อผ้ามอมแมมยืนดูอยู่สองสามคน กับหมาอีกหนึ่งตัว เป็นไอ้ด่างหมาเฝ้าตลาด มันนั่งกระดิกหางใช้ขาหน้าเกาหลังหู เอียงคอสังเกตการณ์ดูเจ้าจ้อยทำงาน เจ้าจ้อยเห็นแล้วขัดลูกตาหยิบก้อนกรวดปาไปหลายที แทนหนีไอ้ด่างกลับหลบไปหลบมา ปาเท่าไรก็ไม่ถูก ปามากเข้าเจ้าหมาเฝ้าตลาดชักนึกสนุกคิดว่าเจ้าจ้อยเล่นด้วย ส่งเสียงเห่ากระดิกหางดิ๊ก ๆ วิ่งวนยั่วให้ปา เจ้าจ้อยยอมแพ้หันไปมัดขาโต๊ะหมู่บูชาต่อ
ครั้นแสงตะวันอ่อนสาดส่องลอดม่านเมฆ ฉายอาบอุปกรณ์โย้เย้โยกเยก เจ้าจ้อยเหลียวมองไปตามถนน แปลกจูงมือลูกสาวเดินตรงมา
"เห็นมั้ยลูก ไม่มีคนดูเลย"
"มีค่ะ นั่นไง" หนูแหวนชี้ไปที่พวกเด็กหน้ามอมสองสามคน
"เอ่อ.." ทำเอาเจ้าผู้พ่อสะอึกอึ้ง "เราจะเล่นให้เจ้าสามคนนั่นดูรึลูก?"
"ค่ะ" เด็กหญิงพยักหน้ามั่นอกมั่นใจ "พ่อสอนหนูแหวน แล้วหนูแหวนจะเล่นให้เด็กดู"
"หยั่งงั้นเราไปเล่นที่บ้านก็ได้ ดีมั้ยลูก เล่นให้แม่ ให้ตากับยายดู"
"ดีสิคะ" เด็กหญิงแหงนมองพ่อ เบิ่งตาคล้ายเพิ่งได้คิด
เจ้าแปลกค่อยเบาใจ เห็นอุปกรณ์โต๊ะตั่งพังหักก็ให้ท้อแท้ กลัวไปว่าพวกชาวบ้านที่ยังขุ่นโทสะพากันมาทำลายข้าวของเรียกเอาเงินคืนอีกก็จะยุ่ง ใจหนึ่งกลัวไปต่าง ๆ นานา แต่อีกใจไม่อยากขัดลูก ลูกอุตส่าห์รอคอยตนกลับบ้านมาแรมวันแรมเดือน เรื่องเล็กน้อยแค่สอนให้เล่นกลทำไมจะสอนลูกไม่ได้ เป็นไงเป็นกันล่ะวะ แต่หากย้ายสถานที่ได้ก็จะเป็นการดี แปลกยิ้มกริ่ม แต่แล้วสะดุ้งเฮือก
"เล่นที่นี่ก่อน แล้วเราไปเล่นให้ตากับยายดูนะคะ"
"เอ่อ.." เจ้านักเล่นกลเร่สีหน้าผะอืดผะอม "จ้ะ"
จูงมือลูกสาวเดินตรงไปโต๊ะหมู่บูชา เด็กหญิงยิ้มทักเจ้าจ้อย เจ้าผู้ช่วยสำคัญลืมไปว่าปากบวม ฉีกยิ้มแล้วเอามือกุมปาก แปลกจุดธูปบูชาพระพุทธรูป หันมองผู้ชมแล้วถอนใจ พวกเด็กหน้ามอมหยุดหยอกล้อ ย่อเข่านั่งยองจ้องมองจริงจัง
แปลกกวาดตา ผู้คนหิ้วตะกร้าจับจ่ายตลาดเดินผ่านไป หลายคนเหลียวมองแต่ไม่ได้ใส่ใจ หากดูไม่ผิดมีบ้างบางคนแบะปากให้ ถอนใจพนมมือเริ่มอารัมภบทเหมือนอย่างเคย จากนั้นสอนกลง่าย ๆ ให้หนูแหวนเล่น พวกเด็กมอมแมมเพ่งดูนักเล่นกลน้อยด้วยความพิศวง มีคนกลุ่มใหญ่แปดเก้าคนเดินตรงมา แค่เหลือบเห็นแปลกก็ใจหวำ คนเดินนำมิใช่ใคร ป้าเทืองแม่ค้าของชำในตลาด
ตัวยังไม่ถึงเสียงกระโชกมาแต่ไกล
"ชะชะช่า ยังกล้ามาเล่นอีกนะ ไอ้นักต้มตุ๋น"
แปลกยิ้มใจดีสู้เสือ ไม่อยากให้ลูกรับรู้ รีบเดินออกไปรับหน้า
"มีอะไรครับป้า?"
"เอาเงินชั้นคืนมา!"
ป้าเทืองตวาดยื่นขวดรัก-ยมในมือ พวกคนที่เหลือพากันควักขวดรัก-ยมออกมา แปลกมองจำนวนคนลองคำนวณคร่าว ๆ จำตัดใจตัดความ
"ป้าทอนไปเท่าไหร่ครับ?"
"ยี่สิบเก้าบาท" ป้าเทืองแม่ค้าของชำบอก
"งั้นผมคืนเงินให้"
แปลกล้วงเงินส่งให้ ป้าเทืองรับเงินไว้แล้วกระแทกขวดรัก-ยมลงบนฝ่ามือแปลก มีชายผิวคล้ำใบหน้ากร้านแดดตอหนวดตอเคราแซมหงอกผมเผ้ารุงรังวิ่งตรงมาร้องถาม
"พ่อหมอหนวด ดีจริงยังไม่ไปเสียที่อื่น ผมลองเสี่ยงมาดูไม่คิดว่าจะพบกันอีก โชคดีจริง ๆ"
แปลกฉงนฉงาย เมื่อแรกเห็นวิ่งตรงมา ใจหายใจคว่ำคิดว่าเป็นพวกเดียวกับกลุ่มนี้
"มีอะไรหรือครับ?" แปลกถาม
"มีรัก-ยมอีกมั้ยล่ะพ่อ?" คนเคราตอถามกลับ "คืองี้ วันวานลูกผมมันเห็น มันยืนยันว่าเห็นเต็มสองตาเลย เด็กผมจุกมาชวนมันวิ่งเล่น พูดแล้วผมยังขนลุก"
คนเล่ายกแขนขึ้นลูบ ขนแขนตั้งชันจริง ๆ
"หากแค่นั้นผมจะไม่ว่าอะไรหรอก" คนเคราตอเล่าต่อ "แต่วันวานผมกับลูกจะเข้าเมือง ถึงเวลาแล้วไม่รู้ลูกมันหายไปไหน ผมออกตามจนขึ้นรถไม่ทัน ผมโกรธจัดตีมันเสียยกใหญ่ ยังว่ามันว่าเอาเรื่องเด็กผมจุกมาหลอกผม เช้านี้เองเพิ่งได้ข่าวว่ารถเที่ยววานไปชนตกข้างทาง ผมใจหายวาบ รอดไปหวุดหวิด นี่ก็ว่าจะมาทอนรัก-ยมไปให้น้องชาย ยังมีเหลืออีกบ้างมั้ยครับ?"
"ยังมีนี่แหละครับ"
แปลกยื่นขวดรัก-ยมที่เพิ่งใด้เมื่อครู่ ป้าเทืองแม่ค้าของชำคว้าหมับ
"ของชั้นย่ะ"
"อ้าว!" แปลกร้อง
ไม่ทันพูดอะไรอีกแบ็งค์สิบสามใบเมื่อครู่ก็คืนกลับมาอยู่ในมือ พวกแปดเก้าคนที่เหลือกำมือนิ่ง ชายเคราตอสีหน้าสลด
"เสียดายจริง ผมเตรียมเงินทำบุญไว้แล้ว"
"โทษด้วยครับ เมื่อวานข้าวของผมถูกเหยียบเสียหายเกือบหมด รัก-ยมที่เหลือก็แตกกระจาย" แปลกเหลียวมองข้าวของแล้วใจหาย เจ้าจ้อยก้มหน้านิ่ง "เอางี้ ผมมีพระพิมพ์ติดตัวอยู่ ฝากไปให้น้องชายคุณก็แล้วกัน"
แปลกเดินไปที่หยิบย่าม ล่วงเอาพระพิมพ์ส่งให้ชายเคราตอ "เป็นพระพิมพ์เนื้อว่าน ลองดมดูสิครับจะมีกลิ่นหอม"
ชายเคราตอพนมมือรับไว้ ยกขึ้นอังปลายจมูกแล้วยิ้ม "ไม่ทราบทอนเท่าไหร่ครับ?"
"เอ่อ.." เจ้านักเล่นกลเร่เหลียวมองลูกสาว แล้วหันยิ้มกระดกหนวด "เอาไว้บูชาเถิดครับ ผมให้"
ชายเคราตอยกมือไหว้ขอบคุณ ป้าเทืองแม่ค้าของชำสีหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย
"นี่แน่ะพ่อหมอหนวด พ่อยังมีพระเหลืออีกบ้างหรือไม่?"
แปลกไม่รอให้ถามซ้ำ หยิบพระพิมพ์ออกมาแจกทุกคน พวกจ่ายตลาดเห็นคนยืนจับกลุ่ม พากันมุงเข้ามาด้วยสงสัยใคร่รู้จนกลายเป็นกลุ่มใหญ่ แปลกแจกพระพิมพ์จนหมด วงคนดูขยายใหญ่ขึ้น แปลกจึงเริ่มแสดงกลเหมือนอย่างที่เคยกระทำ เพียงหนนี้มีผู้ช่วยตัวน้อยเพิ่มอีกคน
หนูแหวนขมักเขม้นทำตามพ่อบอก แสดงสีหน้าฉงนเมื่อเห็นพ่อเริ่มกลชุดใหม่ ยิ้มภาคภูมิเมื่อพ่อปิดกล โค้งถอนสายบัวทุกครั้งเมื่อคนดูปรบมือให้
ตะวันสายเริ่มแผดแสงจ้า พวกแม่ค้าที่มาจากต่างตำบลเริ่มเก็บของ แปลกเห็นได้เวลา เสนอกลชุดสุดท้ายแล้วกล่าวลา
"วันนี้ผมขอพอแค่นี้ก่อน ขอคุณพระคุณเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกคุ้มครองทุกท่านให้มั่งมีศรีสุข ไม่เจ็บไม่ไข้ แล้วพบกันใหม่วันหน้าครับ"
สองพ่อลูกและเจ้าจ้อยจับมือกันโค้งรับเสียงปรบมือผู้ชม กลุ่มคนทยอยแยกย้ายหายไป ลานกว้างที่คึกคักจอแจเมื่อครู่เหลือเพียงความว่างเปล่า
เศษใบตอง เศษหนังสือพิมพ์ปลิวลม มีคนยืนนิ่งมองสองพ่อลูกคล้ายจะบันทึกภาพไว้ในความทรงจำ เป็นหญิงสาวผมยาวสลวยเค้าหน้าสวยคม
หนูแหวนเหลียวมองร้องเรียกลั่น
"แม่!" วิ่งเข้าไปกอด
แปลกตะลึงมองตามเสียงร้องของลูก แล้วโลกสีเทาหม่นมัวก็กลายสว่างสดใสด้วยรอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้า หนูแหวนดึงแขนแม่มาหาพ่อ แปลกตะลึงมองวาวตาคม ยามนี้กลับกลายเป็นดวงตาคู่เดิม ดวงตาที่เคยสะกดให้ละเมอเพ้อหาไม่เว้นวัน
"ลำพู" เสียงเรียกแผ่วเบาคล้ายแว่วมาจากดินแดนแสนไกล แว่วมาบอกว่าจากนี้จะเคียงใกล้ไม่ยอมห่างกาย
เด็กหญิงดึงแขนพ่อ แปลกก้มลงอุ้มลูกสาว สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันกลม แปลกหอมแก้มลูกทีหอมแก้มแม่ที หนูแหวนจักจี๊ส่งเสียงหัวเราะร่า
เจ้าจ้อยยืนก้มหน้าเหลือบยิ้มมือกุมข้างแก้ม ไอ้ด่างหมาเฝ้าตลาดตะแคงคอมอง ยกขาหน้าเกาหลังหู กระดิกหางดิ๊ก ๆ
-จบ-
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น