แสงจากรถสวนแยงตาจนผมมองอะไรไม่เห็นปล่อยรถส่ายไหลไปหน้าตามเวรตามกรรม เสียงล้อเบียดตัวถังดังลั่นแล้วรถก็ตะแคง ผมกุมพวงมาลัยแน่น ไม่ทานแรงเหวี่ยง ไหล่กระแทกประตู หัวอัดกระจกอย่างแรง ยังดีที่เข็มขัดนิรภัยยื้อไว้ไม่งั้นหลุดเด้งกระดอนไม่รู้หัวรู้หาง แล้วโลกก็หมุนคว้างเหมือนอยู่ในลูกบอลกำลังกลิ้ง แค่อึดใจทุกอย่างก็หยุดนิ่งพร้อมเสียงโครม!
"นายก็ขาดทุนป่นปี้น่ะสิ!" พาสตะโกนใส่หน้าผม ทั้งเป็นเรื่องเดือดร้อนของผมเองแท้ ๆ
ผมเข่าอ่อนหมดแรงยืน เท้ามือเปะปะไปบนโต๊ะ เอื้อมดึงเก้าอี้ หย่อนก้นนั่ง ตบกระเป๋าควานบุหรี่ก้นซองออกมาแต่แล้วนึกขึ้นได้ว่าจะเลิกสูบ ผมขยำซองบุหรี่ปาไปทางถังผง ไม่ลงปากถัง มันกระแทกขอบโค้งแฉลบไปชนข้างฝากลิ้งกระดอน
พาสยื่่นก้นบุหรี่ให้ ผมตัดใจรับมาสอดเข้ามุมปาก
นิโคตินในรูปไอระเหยแทรกผ่านผนังเซลล์ปอดเข้าไปละลายรวมกับเซลล์เม็ดเลือดแดงแล่นพล่านไปทั่วร่าง อาการวิงเวียนค่อยคลาย กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาทกลับกระชุ่มกระชวยอีกครั้ง
"ปล่อยผ่านไปนายก็เดือดร้อนน่ะสิ" ผมซืดลึกอั้นไว้จนพอใจค่อยถอนมวนหงายหน้าพ่นควัน
"มือดับนี้แล้ว นายอย่าห่วงเลยนา" พาสดันเก้าอี้หาโต๊ะ ก้มลงมองกล้องจุลทรรศน์อีกครั้ง "เดี๋ยวเราจัดการเอง"
พาสรับเงินจากผมรายเดือนไม่มากไม่น้อย พอทำให้งานเดินไปด้วยดีไม่ต้องติด ๆ ขัด ๆ หากใช้มาตรการเข้มงวด แน่ล่ะแทบไม่มีของล็อตไหนผ่าน อะลุ่มอล่วยทำให้งานสะดวกขึ้นแต่ก็ต้องมีอะไรบ้างเป็นสินน้ำใจ แรก ๆ เราออกไปดื่มกันช่วงสุดสัปดาห์ กินไปกินมาพูดคุยกันถูกคอจนกลายเป็นเพื่อน
"ส่งปนไปกับของล็อตอื่น เท่านี้ก็หาต้นตอไม่เจอแล้ว" พาสเงยหน้าจากกล้องหมุนเก้าอี้ใช้ข้อศอกเท้าโต๊ะไขว้ขาหันมาทางผม
"แต่"
"เอานา เอานา" พาสโบกมือแล้วเสยผม ลุกขึ้นสอดสองมือล้วงกระเป๋าเดินมาชะโงกซะหน้าแทบชนจมูกผม "ต้องมีไอ้คนส่งสักรายลักไก่นายแน่ ๆ ไปควานหาให้เจอละกัน อย่าให้มีครั้งหน้าอีก" ส่งเสียงลอดไรฟัน "ไปลงของแล้วรอซักแป๊บ ได้ยินว่ามีเด็ด ๆ มาใหม่" พาสยิ้มขยิบตาเรอกลิ่นสะตอใส่หน้าผม
ผมลุกเดินใจลอยจากมา
ช่องทางจากห้องคิวซีกลับมาที่รถไม่ไกลเท่าไร แต่คล้ายใช้เวลาเป็นชั่วโมง ผมเสียบกุญแจสตาร์ทรถ เครื่องยนต์อีซูซุ 170 แรงม้าส่งเสียงคราง สัมผัสพวงมาลัยเรียบลื่น ค่าผ่อนของเดือนนี้ผุดขึ้นในหัว แค่ผมเคลื่อนรถผ่านช่องประตูเข้าไปทุกอย่างก็เสร็จสิ้น ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล พาสทำงานที่นี่มานานจนสนิทกับทุกคน ตั้งแต่เด็กยกจนหัวหน้าแผนก เรื่องง่าย ๆ แค่นี้เขาทำได้แน่ อีกอย่างหากพลาดไม่ใช่แต่ผมที่จะหลุดสัญญา (แน่ล่ะปัญหาร้อยแปดจะตามมา) เขาเองก็ต้องเดือดร้อน
ผมเหยียบครัชเข้าเกียร์
แสงไฟจากรถบนถนนส่องผ่านวูบวาบวูบวาบ ผมมีสติตลอดเวลา รู้ว่าโลกพลิกกลับหัวกลับหางหกบนหกล่างแล้วกลายเป็นตะแคง กระจกหน้าร่วงกราว มองออกไป หม้อน้ำปล่อยไอโขมงเหมือนกำลังดูหนังแอ็คชั่น คอเจ็บจี๊ดคล้ายมดกัดแล้วค่อย ๆ ขยายขึ้นเหมือนหยดน้ำบนกระดาษสา ดูท่าว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด เจ็บรุนแรงขึ้นจนแทบทนไม่ได้ พวงมาลัยบีบอัดแนบหน้าอก เข็มขัดนิรภัยช่วยรัดตัวไว้ได้ก็จริง แต่ส่วนหัวยังคงเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วรถ แรงกระแทกส่งไปที่คอจนข้อต่อแทบหลุดจากกัน คิดถึงหนังฝรั่งที่ทีมช่วยเหลือต้องมีอุปกรณ์ย้ายคนเจ็บโดยเคลื่อนไหวน้อยสุด มิเช่นนั้นอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ กว่าถึงโรงพยาบาลอาจถึงตาย ผมคอแข็งทื่อไม่กล้าขยับอีก เข็มขัดนิรภัยช่วยไว้ไม่ให้กระแทกกระจกหน้าก็จริงแต่ไม่พ้นกระจกประตู เลือดไหลโกรกผ่านขมับลงเบ้าตา ผมปาดออก คลำปลดล็อคเข็มขัด พยายามยันมือดันตัวออกจากเก้าอี้
ด้านนอกมีคนมากันเยอะแล้ว เงามืดวิ่งตัดแสงไฟพัลวัน เสียงร้องเรียกฟังวุ่นวายสับสน
ผมดันตัวคากรอบประตูรถ เท้ามือบนป่าหญ้าเฉอะแฉะ ชายคนหนึ่งหยุดหันมอง สองมือหอบของเต็มหน้าอก เขาจ้องผม อึกอักคล้ายลังเลไม่รู้ตัดสินใจยังไงดี หากดูไม่ผิด ผมคิดว่าแววตาของเขาบอกให้ผมทำความเข้าใจว่าเขามีความจำเป็น เขาเองก็อยากจะช่วยแต่เขาจำเป็นจริง ๆ
หญิงวัยกลางคนหอบของเต็มอกพอกันเดินมาสะกิด เขาหันรีหันขวาง ชั่วครู่ก็ติดตามหญิงคนนั้นไป
ผมคลานออกจากกรอบประตู เหลียวมองไปทางท้ายรถ ตู้เย็นบี้แทบพับหากัน คนน่าจะเกินสิบกรูยื้อแย่งหอบของออกจากท้ายรถ เลือดไหลผ่านมุมปากรสเค็มปะแล่ม ผมเริ่มตาพร่า แสงไฟบนถนนวิบวับยิ่งมึนงง คลานพ้นกรอบประตู ผมพยายามยันตัวลุกยืน
หันมองพวกเขาอีกครั้ง คิดถึงใบหน้าพาส
"เชื้อนี้เอาถึงตายเชียวโว้ย!" เขาสะดุ้งถอนตาจากกล้องดันเก้าอี้ล้อเลื่อนผละห่างโต๊ะราวเจอะสัตว์ประหลาด หันหน้าตาเหลือกมองผม "โดนเบาะ ๆ ก็หยอดน้ำเกลือโรงพยาบาลล่ะ"
คำนี้คล้ายคำสั่งตัดสินประหาร แพ็คไก่แปรรูปที่สุ่มตรวจจะมีเชื้อติดมาไม่ได้ หากคิวซีพบแค่ตัวอย่างเดียวเป็นอันยกเลิกทั้งล็อต
"พบเชื้อเหรอ" ผมคอตก
พาสพยักหน้าทั้งยังอ้าปากค้าง ไม่เคยเห็นเขาตะลึงขนาดนี้มาก่อน ผมรู้ดี หากไม่หนักหนาจริง ๆ เขาช่วยแน่ พาสเคยช่วยมาแล้วหลายครั้ง แต่หนนี้
"งั้นเราคงต้องพากลับ" ผมก้มหน้ารำพึงทั้งใจอยากให้พาสช่วยอีกสักครั้ง
ผมล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง แสงจอสว่างวาบ ยังใช้งานได้ กดโทรฯ เหลียวมอง 6 ล้อคู่ชีพอีกครั้งแล้วลากขาจากไป ไปให้พ้นจากคนกลุ่มนั้น ●
ดาลใจ จากสเตตัสของพี่แสง
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น