poem

Short Story : เปลือกหอยแสนสวยบนหาดทราย

     เสียงเพลงละลายของโฟร์มดดังตอนรถไฟฟ้าจอดสถานีรัชดาฯ รินหุบหนังสือนิยายใช้นิ้วชี้คั่นหน้า อีกมือลุกลนควานในกระเป๋าถือล้วงไอโฟนออกวางบนปกภาพชายหนุ่มชุดเสื้อคลุมมิดไนท์บลูโอบร่างหญิงสาวชุดขาว เบื้องหลังเป็นทะเลทรายเวิ้งว้าง สไลด์รับสายแล้วหยิบขึ้นแนบหู
     "คะ"
     เจ้ากรรมหนังสือหลุดมือ รินก้มหยิบ ผมยาวทิ้งน้ำหนักพลิ้วร่วงกลิ่นหอมอ่อนของโอเรียลทอลพริ้นเซสโชยกรุ่น
     "ขอโทษนะริน พี่คงจะสายนิดหน่อย รถติดมากเลย"  เสียงต้นสายกระสับกระส่าย
      "ค่ะ"  รินวางหนังสือบนกระเป๋า ดึงมือออกเอียงคอปัดผม สอดไอโฟนผ่านม่านไหมแนบหูอีกครั้ง  "ไม่เป็นไรค่ะ"
     "รินรอหน่อยนะ คงอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง"
     "ค่ะ"
     "บายครับ"
     "บายค่ะ"
     รินแตะวางสายถอนใจเฮือก ยังกลัวอยู่ว่าเขาจะคอยแย่ อีกครึ่งชั่วโมงคงถึงจุดนัดพอดี  สอดไอโฟนคืนเข้ากระเป๋าถือแล้วพลิกหาหน้าอ่านค้าง รอยเปิดยังถ่างอยู่ แต่ไม่ใช่ พลิกกลับไปกลับมาย้อนหาสองสามตลบ เจอแต่บรรทัดแปลกหน้า เป็นอย่างนี้ทุกที แค่หน้าหนังสือเผลอลืมคั่นยังยากกลับหน้าเดิม หนังสือจึงต้องมีแผ่นคั่น ชีวิตต้องใช้อะไรนะเป็นแผ่นคั่น ย้อนขึ้นไปอีกย่อหน้าจึงพบบรรทัดคุ้นตา พื้นโลหะรถไฟฟ้าคล้ายถูกสนิมกัดกร่อนลุกลามอย่างรวดเร็ว เม็ดสีโลหะกลายเป็นเม็ดทรายเนียนตา เนินทรายลดหลั่นทอดยาวกว้างไกลออกไปเรื่อย ๆ
     ไอแดดระอุจนผิวบางแม้ซ่อนอยู่ใต้พลิ้วผ้าขาวยังร้อนผ่าว ร่างระหงกระดอนขึ้นลงสม่ำเสมอ หล่อนกอดเขาไว้แน่น กลิ่นแห้ง ๆ ทว่ารัญจวนใจโชยอ่อนอยู่ปลายจมูก ภายใต้อาภรณ์เรียบลื่นนั้นแข็งแกร่งปานพะเนินเหล็ก ยินเสียงกระตุ้นกระแทกขากับสีข้างม้า  ม้าดำพุ่งทะยาน หล่อนสะดุ้งเบียดตัวชิดกอดแผ่นหลังกำยำไว้แน่น  อาภรณ์ขาวพลิ้วไหวในสายลม  ม้าดำทะยานลับหายไปในไอระอุของเนินทราย
     "พี่แทนหมายความว่าไง?"
     สายตาจ้องมองบรรทัดอยู่แท้ภาพจำกลับซ้อนแทรกเข้ามา ตัวหนังสือเลือนหายกลายเป็นภาพรุ่นพี่ร่วมสถาบันที่ชักนำหัวใจอ่อนเยาว์โลดแล่นไปในดินแดนแปลกหน้า  ดินแดนที่กรุ่นอวลด้วยมวลดอกไม้นานาพันธุ์
     "พี่ไม่อยากหลอกริน"  ชายหนุ่มก้มหน้ากลั้นคำพูดไว้ เอื้อมมือโอบไหล่ดึงร่างน้อยหาตัว  "อยากให้รินรู้จากปากพี่เอง"
     "พี่แทนหมายความว่าไง!?"  สาวน้อยนิสิตปีสองดวงตาแดงก่ำ เธอเหลียวมองแล้วสะบัดไหล่  "ปล่อยรินนะ!"  หันเผชิญหน้า
     "เราคงไปกันไม่ได้"  ชายหนุ่มฝืนยิ้ม  "รินเอาแต่ใจเกินไป"
     "ทำไมมาบอกตอนนี้!"  รินตวาด  "พี่แทนมีคนใหม่ใช่มั้ย!?"  น้ำตาไหลพราก  "ใช่มั้ย!?"
     ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง เอื้อมสองมือหมายเกาะไหล่ริน เธอปัดมือเขา ชายหนุ่มก้มหน้ากล่าว
     "เปล่าหรอกริน แค่คิดว่าเราน่าจะแยกกันสักพัก.."
     "โกหก!"  รินสุดกลั้นความเจ็บปวดภายใน ทำนบน้ำตาพังทลาย "ไปให้พ้น!"
     "ฟังก่อนสิริน"
     "ไม่"  รินตวาด  "ไปให้พ้น! บอกว่าไปให้พ้น!"
     น้ำตานองหน้า หญิงสาวสะบัดมือหมายขับไล่ความทุกข์ทั้งมวลไปเสียจากหัวใจ แผดเสียงทั้งน้ำตากระเซ็น ใจดวงน้อยกระตุกแล้วสั่นริกราวจะหยุดเต้น เจ็บแปลบคล้ายถูกเหล็กแหลมทิ่มแทง เจ็บจนต้องใช้มือกุม  เธอมองร่างพร่าม่านน้ำตาเดินไปทางประตู เขาดึงบานประตูแล้วเหลียวมองกลับมา  รินตวาดลั่น
     "ไป!"
     พยายามดึงใจกลับมาตรงหน้า 52 ย่อหน้า 2 บรรทัดที่คนทั้งสองลับหายไปในท้องทะเลทรายเวิ้งว้าง หญิงสาวกวาดตาไปที่ย่อหน้าใหม่
     เขาลากหล่อนมุดเข้าในกระโจมแล้วผลักหล่อนถลาล้ม  แสงจากคบไฟไหวริก หญิงสาวถดไปบนพรมหนานุ่ม เหลียวมองรอบกาย ภายในกระโจมล้วนเครื่องใช้สีทองสุกอร่าม  พรมหนานุ่มที่แท้เป็นหนังสัตว์ หญิงสาวชักมือขึ้นทันที
     "อย่าคิดว่าข้าลักเจ้ามาด้วยพิศวาส"  ชายหนุ่มยืนปิดช่องประตู
     "ข้าแค่อยากดูน้ำหน้าบิดาเจ้า บุตรีคนเดียวหายไปทั้งคนมันจะทำยังไง" ดวงตาคมขลับเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวจ้องมองหล่อน
     'คนป่าคนเถื่อน' หญิงสาวนึกชังความกักขฬะของเขาขณะมือควานหาอะไรสักอย่างพอจะใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว กล่าวจบชายหนุ่มสะบัดหน้าก้าวออกจากกระโจม  หญิงสาวถลาตามแหวกม่านกระโจมออก ยามหัวโล้นพุงพลุ้ยถลึงตา  หญิงสาวผวาปัดม่านปิดเซล้มก้นจ้ำเบ้ากระถดออกห่างราวว่าประตูกระโจมเป็นสัตว์ร้าย
     "สถานีจตุจักร"
     สัญญาณเสียงแจ้งสถานีฉุดรินออกจากกรงเล็บกักขฬะของเจ้าชายแห่งท้องทะเลทราย  รูปทรงกระโจมขยายออกเป็นปล่องโลหะยืดยาว เนื้อผ้าใบซีดขาวเปลี่ยนเป็นผิวเรียบลื่นสะท้อนเงาและผู้คน รินดึงแผ่นคั่นหนังสือสอดพับหน้า  ยัดหนังสือเข้ากระเป๋าสะพายไหล่ลุกเดินออกจากรถไฟฟ้า
     ขณะจะก้าวตามกลุ่มคนขึ้นด้านบนก็ยินเสียงร้องเรียก
     "ริน"
     หญิงสาวหันขวับ
     ตะลึงมองสักครู่ แล้วคนทั้งสองก็หัวเราะลั่น
     ตลาดนัดจตุจักรดูเหมือนเดิมแต่ไม่เหมือนเดิม  ร้านค้าถูกเปลี่ยนมือไปเรื่อย ๆ รินเดินผ่านร้านขายรองเท้าที่เคยซื้อตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นร้านเสื้อผ้าลายแปลกตาของชายหนุ่มชาวอาทิตย์อุทัย คนเดินยังแน่นเหมือนเดิมที่ไม่เหมือนเดิมดูเหมือนนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่น ไต้หวันจะมากขึ้น นายกัปตันแจ๊ค สไปโรว์ขายสร้อยประดับยังอยู่ ร้านเก่าที่รินเคยมานั่งทุกวันอาทิตย์เมื่อสองปีก่อนถูกซอยย่อยเป็นร้านขายงานศิลปะ
     รินหมุนตัวส่ายตาหาเผื่อพี่เขาย้ายทำเลร้าน แต่ก็ไม่เห็น ทั้งสองจึงเลือกนั่งโต๊ะตรงสวนหย่อมเล็ก ๆ
     สวนจตุจักรในความทรงจำของรินนั้นนั่นหลงใหล เป็นที่รวมข้าวของเครื่องใช้หลากหลายแปลกตา  ความหลากหลายแปลกตานี่เองคงคือลมหายใจของจตุจักร ที่ซึ่งเป็นจุดนัดพบรักครั้งแรกของสาวน้อยไร้เดียงสา  หลังจากวันนั้น รินไม่เคยมาจตุจักรอีกเลย
     ชายหนุ่มกลับมาพร้อมแก้วช็อกโกเลตปั่น
     "นี่ของริน"
     เขาวางแก้วลงบนแผ่นรอง ปลดเป้ออกจากไหล่  "มีเพลงมาฝากรินด้วย"  เขาล้วงมือเข้าในเป้ดึงแผ่นซีดีออกมา  "ช่วยกันทำกับเพื่อน เดี๋ยวว่าจะโหลดขึ้นยูทูบ"
     "ริน"  วางแผ่นซีดีไว้ตรงหน้า เห็นหญิงสาวตาเหม่อลอย เขาเรียกเธอซ้ำ
     แก้วช็อกโกเลตปั่นตรงหน้าพารินล่องลอยกลับไปช่วงเวลาเมื่อสองปีก่อน ช่วงเวลาที่พยายามลบทิ้งจากความทรงจำครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่เคยสำเร็จ
     "ทำไมรินดื่มแต่ช็อกโกเลตปั่นล่ะ?"  แทนถาม
     "ก็เค้าชอบของเค้านี่นา"  หญิงสาวเม้มริมฝีปากรั้น เอียงหน้ายิ้ม มือจับช้อนจิ้มวนในแก้วเปล่า
     "กลับกันได้ยัง?"
     "ยัง"  รินตอบทันควัน  "รินอยากไปดูหนังสือสักเล่มสองเล่ม"
     "แต่"
     "ไม่เอา รินยังอยากอยู่อีกสักพัก"  หญิงสาวรีบบอกปั้นหน้าขึง
     "โอเค โอเค"
     "ริน"  เสียงเรียกย้ำ ฉุดเธอจากภวังค์
     "เอ่อ.."  กะพริบตามองชายหนุ่มตรงหน้า  "ว่าไงคะ?"  แล้วค่อยเหลือบเห็นแผ่นซีดี เธอหยิบมาแนบหู พริ้มตาตะแคงคอ  "เพราะจังค่ะ"
     "รินก็"  ชายหนุ่มขยับนั่ง ยื่นแก้วกาแฟปั่นสัมผัสแก้วตรงหน้ารินเสียงดังกริ๊ก  "เชิญครับ"
     "ขอบคุณค่ะ"  รินหยิบแก้วช็อกโกเลตปั่นขึ้นดื่ม
     "ทำเอาพี่กังวลแทบแย่ กลัวรินต้องคอย"
     "รถติดเป็นธรรมดาค่ะ คอยได้"  หญิงสาวอมยิ้มหลิ่วตามองเข้าในดวงตาชายหนุ่มคล้ายคิดควานหาเปลือกหอยสวย ๆ บนหาดทรายฉ่ำฟองคลื่น
     "แหม"  ชายหนุ่มยิ้มเขิน  "ไม่คิดว่าจะอยู่ในรถไฟฟ้าขบวนเดียวกัน บังเอิญจริง"
     "ชีวิตมีเรื่องบังเอิญเยอะดีนะคะ อยู่ร่วมรถขบวนเดียวกันมาเกือบตลอดสายกว่ารู้ตัวก็ตอนออกจากรถโน่นแน่ะ"  ไม่พบอะไรในดวงตา นอกไปจากคราบสนิมเก่า ๆ ในหัวใจตัวเอง รินยิ้มเสมองงานศิลปะในร้านข้างทาง
     ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนัก ยกแก้วกาแฟปั่นขึ้นดูด
     ออกจากสวนหย่อม คนทั้งสองเดินวนรอบใหญ่ รินพยายามตรวจสอบหัวใจตัวเอง กลับมาจตุจักรอีกครั้งเป็นอย่างไร ดีขึ้นบ้างไหม หรือยังอ่อนแอมิต่างค่ำคืนที่จมอยู่กับเสียงร่ำไห้ในมุมห้องมืดสลัวอย่างเมื่อสองปีก่อน  ผลดูจะน่าพอใจ สามารถยิ้มหัวหยอกล้อเป็นธรรมชาติ ไม่ฝืดฝืน
     "รินยังอยู่ที่ลุมพินีเพลสใช่มั้ย?"
     "อื้อ"  หญิงสาวพยักหน้า  "ทำไมเหรอ?"
     "ขอพี่ไปเยี่ยมนะ"
     รินหยุดเดิน หันมองหน้าชายหนุ่ม
     "นะ"  เขาทวนคำ
     หญิงสาวส่ายหน้า หันเดินมองสินค้าบนทางเท้าราวคำขอเมื่อครู่เป็นสายลมอ่อน ๆ พัดผ่าน ชายหนุ่มเดินมาส่งที่สถานีรถไฟฟ้า
     "เราจะได้พบกันอีกมั้ยครับ?"
     "คงไม่ค่ะ"  รินสบตาคล้ายมองไปในท้องฟ้าของค่ำคืนเดือนแรม
     "แต่วันนี้รินรับนัดพี่"
     "รินแค่อยากรู้ใจตัวเอง"
     "ตอนนี้รินรู้แล้ว?"
     "ค่ะ"
     ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง หญิงสาวจับสายสะพายกระเป๋ากระชับไหล่เดินผ่านที่กั้นเข้าไป เพียงสองก้าวก็หันกลับ
     "พี่แทน"
     นานเท่าไรแล้วที่ไม่กล้าเรียกชื่อนี้อีกเลย ชื่อที่ทำให้หัวใจดวงน้อยเจ็บจนคล้ายจะหยุดเต้น
     ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น
     รินยิ้มมอง สำรวจใจตน มีร่องรอยเจ็บปวดนิดหน่อยคล้ายพรายฟองจากฟอสซิลโบราณใต้ทะเลลึก
     "ครับ"  ชายหนุ่มขานตอบ
     "บายค่ะ"
     หญิงสาวโบกมือจับกระเป๋าหันเดินจากไป ●



illustrationhttp://jujubeeillustrations.blogspot.com/2011/02/picture-book-marathon-day-17.html

Share this post

Post a comment

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

:ambivalent:
:angry:
:confused:
:content:
:cool:
:crazy:
:cry:
:embarrassed:
:footinmouth:
:frown:
:gasp:
:grin:
:heart:
:hearteyes:
:innocent:
:kiss:
:laughing:
:minifrown:
:minismile:
:moneymouth:
:naughty:
:nerd:
:notamused:
:sarcastic:
:sealed:
:sick:
:slant:
:smile:
:thumbsdown:
:thumbsup:
:wink:
:yuck:
:yum: