เทคนิคการทำหนังสไตล์ ‘สตีเว่น สปีลเบิร์ก’
บทความยาวแชร์ไปอ่านตามสะดว กครับ
ด้วยหนังฟอร์มยักษ์จำนวนหนึ ่งส่งผลให้ ชื่อเสียงเรียงนามของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ถูกแช่ซ้องสรรเสริญมากมายว่ าเป็นคนทำหนังที่ทำให้ความบ ันเทิงได้รับการแพร่หลายอย่ างใหญ่โตมหาศาล และได้รับเสียงชื่นชมคงทนถา วรมานานนับทศวรรษ แม้ทั้งหมดเป็นเพียงมายาภาพ แห่งหนังสามองก์เท่านั้น แต่อย่างไรตามเบื้องหลังควา มสำเร็จของเขาเป็นผลมาจากหล ายสิ่งหลายอย่าง แต่จุดสำคัญท่ามกลางสิ่งเหล ่านี้อยู่ที่ความรู้สึกตอนว ัยเด็กที่ทั้งมหัศจรรย์และช วนพิศวง เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เขา ไม่เคยทอดทิ้งมันไปแม้แต่วิ นาทีเดียว
▶▷วัยเด็กกับกล้องถ่ายภาพใน มือ◀◁
จากหนังเรื่อง Jaws ไป Close Encounters of the Third Kind ไป Indiana Jones ไป Empire of the Sun และ Jurassic Park และ และ Schindler’s List และ, และ, และ… เขาเคยมีผลงานมากมาย และการแสดงออกทางความสามารถ ในอาณาจักรของคนทำหนังยาวนา นกว่า 5 ทศวรรษ แล้ว ด้วยการทำหนังหลากหลายแนว หลากอารมณ์ และประเด็นเนื้อหาอีกมากมาย
และนี่คือบทเรียนการทำหนัง (สำหรับแฟนคลับและคนทำหนัง) จากเด็กน้อยคนหนึ่งที่นอนหล ับใต้ผ้าห่มหลังดูการ์ตูนเร ื่อง Bambi(1942) ยามค่ำคืน
▶▷การคาดเดาเกี่ยวกับหนังขอ งคุณมักจะผิดพลาดเสมอ◀◁
บางทีคำแนะนำดีที่สุดในพื้น ตรงนี้ที่ควรถูกไตร่ตรอง คือการละทิ้งความเห็นแง่ลบว ่านั้นเป็นตัวทำลายการทำหนั งของคุณ มันง่ายมากที่จะสมมติว่าผู้ กำกับ (หรือโปรดิวเซอร์) ที่คุณได้อำนาจควบคุมเบ็ดเส ร็จตามที่คุณกำลังทำนั้นเป็ นข้อสันนิษฐานที่จะทำให้เกิ ดความล้มเหลว
“สิ่งหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ผมกำลังเ ข้าไปหา หลายครั้งที่ความเชื่อมั่นข องผมในการทำหนังมักจะผิดพลา ด ยกตัวอย่าง เช่น เรื่อง Schindler’s List ผมมั่นใจมากว่าอะไรก็ตามที่ ผมกำลังทำในโปแลนด์ผมควรตั้ งใจทำ และเพียงแค่ผมวางกล้องของผม ระหว่างตัวผมและสิ่งที่ถ่าย และปกป้องตัวผมเองโดยการสร้ างสรรค์ความงามในแบบของผม แต่ทันทีที่วันแรกของการถ่า ยทำมาถึง ทุกอย่างกลับพังทลาย โดยที่ไม่ได้เตรียมใจกันไว้ ก่อนล่วงหน้า ในเวลานั้นผมตระหนักได้ว่าเ หตุการณ์นี้พร้อมจะกลายเป็น บทเรียนส่วนตัวมากที่สุดในช ีวิตของผม มันเป็นประสบการณ์เลวร้ายที ่รุนแรงของผม และในบางครั้งผมก็ยังไม่สาม ารถก้าวผ่านมันไปได้"
ผมกลับไปคิดถึงตอนถ่ายทำ Schindler’s List ด้วยความทรงจำที่แสนเศร้า เป็นเพราะประเด็นสำคัญของเร ื่อง ไม่ใช่เพราะประสบการณ์การทำ งาน ประสบการณ์การทำงานเกือบจะส มบูรณ์อยู่แล้ว เพราะทุกคนช่วยกันคนละไม้ละ มือในกองถ่าย ทำงานกันเป็นทีม มันเหมือนการบำบัด และสำหรับผู้คนมากมาย มันได้เปลี่ยนชีวิตพวกเขา นักแสดงมากมายและทีมงานมากม าย มันเปลี่ยนชีวิตของพวกเขา แน่นอนมันเปลี่ยนชีวิตของผม ด้วย จนต่อมาในกองถ่ายหนังเรื่อง อื่นมันทำให้ผมทำงานด้วยจิต ใจที่สนุกสนาน ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นห นังที่ผมพ่ายแพ้ มันทำให้ผมคิดแบบนั้น หนังจะเลี้ยวกลับหลังและชนผ มล้มราวกับว่ามันเป็นรถถัง ดังนั้นผมจึงพยายามทำให้ดีท ี่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหย ุดการคาดเดาสิ่งที่งานควรจะ เป็น เพราะว่ามันมักจะผิดพลาดอยู ่เสมอ
มันอาจเป็นประสบการณ์ที่ไม่ สามารถกำหนดล่วงหน้าได้ แต่สำหรับใครก็ตามผู้ที่เคย พยายามสร้างหนังสัตว์ประหลา ดที่แสดงโดยปลาฉลาม เพื่อสร้างหนังเขย่าขวัญแบบ ฮิทช์ค็อกค์เกี่ยวกับปลาฉลา มที่ทั้งเรื่องแทบไม่มีปลาฉ ลามอยู่เลย ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ากระบ วนการทำหนังสามารถเปลี่ยนตั วคุณด้วยเหตุผลที่เหนือเกิน คำบรรยายของคุณเอง คุณจะตอบสนองอย่างไรกับสิ่ง ที่กำหนดคุณและหนังของคุณ
▶▷การเลือกทีมงานที่ถูกต้อง เป็นกุญแจไขความลับสู่ความส ำเร็จ◀◁
“ขณะผมยังเด็ก ไม่มีทีมงานสักคน มีเพียงแค่ตัวคุณกับกล้องที ่สั่งการรอบๆตัวเพื่อนของคุ ณ แต่เมื่อผมโตเป็นผู้ใหญ่ การทำหนังมันเกี่ยวกับการสร รเสริญคนมีความสามารถที่อยู ่รายล้อมตัวคุณและการรู้ว่า คุณไม่สามารถทำหนังได้ด้วยต ัวของคุณคนเดียว
‘ภาพยนตร์เป็นกีฬาที่เล่นกั นเป็นทีม’
▶▷ใช้เล่ห์กลนิดหน่อยโดยไม่ ได้ทำให้ใครเดือดร้อน◀◁
ตอนผมอายุ 15 16 ปี ผมเรียนอยู่ในโรงเรียน ผมใช้เวลาตอนปิดเทอมหมดไปกั บการไปเที่ยวในแคลิฟอร์เนีย กับลูกของลูกพี่ลูกน้อง และผมต้องการเป็นผู้กำกับ ผมทำหนังโดยใช้กล้อง 8 มม. ถ่าย ตั้งแต่อายุ 12 ปี ผมทำหนังตลกและดราม่านิดหน่ อยกับเด็กๆข้างบ้าน
วันหนึ่งผมตัดสินใจเข้าไปที ่ยูนิเวอร์แซล ผมแต่งตัวด้วยเสื้อคลุมและผ ูกเนคไท ผมไปเที่ยวหนึ่งวันในยูนิเว อร์แซล และที่จริงกว่านั้นคือผมกระ โดดลงจากรสบัสท่องเที่ยว ผมใช้เวลาตลอดวันอย่างมากมา ย ผมพบผู้ชายคนหนึ่งชื่อ ชัค ซิลเวอร์ ผมบอกเขาว่าผมเป็นนักทำหนัง มาจาก อาริโซน่า
เขาพูดว่า “เด็กน้อย มาอีกครั้งพรุ่งนี้นะ ฉันจะเขียนบัตรผ่านให้และคุ ณโชว์หนังที่ถ่ายทำด้วยกล้อ ง 8 มม.ให้ฉันดูได้เลย”
ผมเลยได้จัดเทศกาลหนังเล็กๆ สำหรับเขาคนเดียว
เขาพูดว่า “นายเก่งมาก ฉันหวังว่านายจะทำสำเร็จ แต่... เพราะว่าฉันเป็นเพียงแค่บรร ณารักษ์ ฉันไม่สามารถเขียนลงนามในจด หมายเป็นบัตรผ่านให้ได้” (เขาหัวเราะ)
ดังนั้นวันต่อมา ผมเฝ้าสังเกตผู้คนว่าเขาแต่ งตัวกันอย่างไรในแต่ละวัน ผมแต่งตามเขา สะพายกระเป๋าหิ้ว และเดินผ่านยามคนเดิมหน้าปร ะตู ชื่อ สก๊อตตี้ ผู้ที่น่าจะทำงานมานานแล้ว เพราะเขาเป็นดูมีอายุมาก เขาโบกมือให้ผมเข้าไป
ตลอด 3 เดือน ซึ่งเป็นวันหยุดปิดเทอมภาคฤ ดูร้อนทั้งหมด ผมใช้เวลาทุกวัน ค้นหาสำนักงาน ไปที่ร้านค้าเพื่อจะขายกล้อ ง และซื้อตัวอักษรพลาสติก ค้นหาออฟฟิศร้างในยูนิเวอร์ แซล และลักลอบจับจองเป็นของผม และติดชื่อและเบอร์โทรลงไปใ นอาคาร และนั่นเป็นพื้นฐานการทำธุร กิจในแบบของผม แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด ผมเรียนรู้มากมายจากการตัดต ่อและการอัดเสียงโดยการดูมื ออาชีพเขาทำกัน แต่ผมไม่เคยได้งานที่ถูกหลอ กลวงเลย
สปีลเบิร์ก พูดหลายครั้งเกี่ยวกับเล่ห์ กลเพทุบายของสตูดิโอยูนิเวอ ร์แซลของเขาเองต่อคนหนุ่ม แต่มันก็มีเสน่ห์มากมายเมื่ ออยู่ในหนังเรื่อง *Catch Me If You Can*
แน่นอนคุณอาจจะไม่ประสบความ สำเร็จทั้งหมดในการใช้เล่ห์ อุบายแบบเดียวกันในวันนี้
▶▷มากกว่าก็ไม่จำเป็นต้องมา กเสมอไป◀◁
“งบประมาณที่ล้นเอ่อคือซากป รักหักพังของฮอลลีวู้ด เงินกำลังมีอำนาจปกคลุมหนัง ไปทั่วทั้งโลก มันเป็นหายนะชัดๆ ขณะที่ผมทำ The Lost World ผมจำกัดจำนวนของช็อตเทคนิคพ ิเศษเพราะว่ามันแพงอย่างเหล ือเชื่อ หากว่าไดโนเสาร์เดินเข้าไปใ นฉาก มันมีราคา 8 หมื่นดอลลาร์ สำหรับ 8 วินาที หากไดโนเสาร์ 4 ตัว อยู่ในพื้นหลังมันมีราคา 1 แสน 5 หมื่น ดอลลาร์"
☆ มากกว่าก็ไม่ได้ทำให้ออกมาด ีที่สุดเสมอไป ☆
อาเมน
▶▷ความเครียดและความวิกลจริ ตอาจคุ้มค้าต่อตัวมันเองก็เ ป็นได้◀◁
“มันคุณค่าเพราะว่า ตัวอย่างเช่นหนังเรื่อง Close Encounters ซึ่งเป็นหนังที่ผมเขียนและเ ป็นหนังที่ไม่มีใครต้องการส ร้างมันเลย ทุกคนดูต้องการทำอะไรที่เหม าะสมหลังจาก Jaws ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม สิ่งแรกเลย Jaws ทำให้ทางสตูดิโอยอมรับผม ทาง โคลัมเบีย ไฟเขียวให้ผมทำ Close Encounters ต่อกันเป็นเรื่องที่ 2 ทำให้ผมต่อลมหายใจของผมในอา ชีพออกไปได้ แต่สิ่งที่ผมเป็นหนี้ต่อ Jaws คือมันทำให้ผมเป็นคนที่นอบน ้อมมากยิ่งขึ้น เกี่ยวกับการควบคุมการประนี ประนอมภาพในจินตนาการของผมใ ห้มันดูมันมีความเป็นจริงมา กยิ่งขึ้น"
ในการสัมภาษณ์ที่สปีลเบิร์ก เคยทำได้ดีที่สุดครั้งหนึ่ง เกี่ยวการพูดคุยอย่างสบายๆใ นความลึกซึ้งเกี่ยวกับอาชีพ ของเขาและฉลามเลวทรามที่เปล ี่ยนเขาไปตลอดกาล เขาพูดคุยเกี่ยวนิสัยส่วนตั ว แรงขับเคลื่อนของเขา และประเด็นอีกมากมาย มันเป็นการพูดคุยที่เปิดเผย แต่สิ่งหนึ่งที่บอกถึงความช ัดเจนของเขา คือ ในบางครั้งการผ่านขุมนรกไปใ ห้ได้ย่อมเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะมันคุ้มค่ากับรางวัลที ่ได้รับจากมัน
▶▷อะไรคือสิ่งที่พวกเราได้เ รียนรู้◀◁
สปีลเบิร์ก เป็นนักทำหนังที่มีเอกลักษณ ์เฉพาะตัวในความสามารถของเข าที่บอกเล่าเรื่องราวอย่างไ ม่ถากถาง ริชาร์ด เดรย์ฟัสส์ บอกว่า เขาเป็นคนมั่นใจในงานที่ล้อ มรอบตัวเขา ความดีงามจะรวมน้ำเสียงและค วามมีสุนทรียศาสตร์เข้าไว้ท ั้งหมดด้วยกัน นี้เป็นความรู้สึกที่ยิ่งให ญ่ของการผจญภัย และไม่มีภาพแทนแบบคงที่ในปร ะเด็นบรรลุความสำเร็จของมนุ ษย์และ ความเป็นไปได้ของมนุษย์ในหน ังของสปีลเบิร์ก
สิ่งที่หนังของเขาหลายเรื่อ งนำเสนอ(แม้กระทั่งหลักศีลธ รรมหรือหลักปฎิบัติซึ่งความ รุดหน้าถูกตั้งคำถาม) แต่ข้อความเรียบง่าย สปีลเบิร์ก ประสบความสำเร็จเพราะเขาสาม ารถทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง บางครั้งเป็นเพราะว่า ความเมตตาหรือการกระทำอันที ่โหดร้ายของตัวมนุษย์เอง ฝันร้ายที่น่าหวาดกลัว หรือเป็นเพราะว่า หุบเขาใหญ่โตที่เต็มไปด้วยไ ดโนเสาร์
การอ้าปากค้าง เป็นหัวใจของการทำหนังของเข า และเป็นหัวใจที่เป็นอารมณ์ก ระตุ้นประกายไฟอันน่าพิศวง ในแบบฉบับของคนหนุ่มสาว ที่เข้าใจพวกเรามากกว่าสิ่ง ที่พวกเราเป็น สปีลเบิร์ก คอยยืนข้างและกุมมือด้วยตัว ตนที่ยังเด็กของตัวเขา เพื่อสร้างสิ่งมหัศจรรย์
แปลโดย A-Bellamy
ที่มา filmschoolrejects
บทความยาวแชร์ไปอ่านตามสะดว
ด้วยหนังฟอร์มยักษ์จำนวนหนึ
▶▷วัยเด็กกับกล้องถ่ายภาพใน
จากหนังเรื่อง Jaws ไป Close Encounters of the Third Kind ไป Indiana Jones ไป Empire of the Sun และ Jurassic Park และ และ Schindler’s List และ, และ, และ… เขาเคยมีผลงานมากมาย และการแสดงออกทางความสามารถ
และนี่คือบทเรียนการทำหนัง (สำหรับแฟนคลับและคนทำหนัง)
▶▷การคาดเดาเกี่ยวกับหนังขอ
บางทีคำแนะนำดีที่สุดในพื้น
“สิ่งหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ผมกำลังเ
ผมกลับไปคิดถึงตอนถ่ายทำ Schindler’s List ด้วยความทรงจำที่แสนเศร้า เป็นเพราะประเด็นสำคัญของเร
มันอาจเป็นประสบการณ์ที่ไม่
▶▷การเลือกทีมงานที่ถูกต้อง
“ขณะผมยังเด็ก ไม่มีทีมงานสักคน มีเพียงแค่ตัวคุณกับกล้องที
‘ภาพยนตร์เป็นกีฬาที่เล่นกั
▶▷ใช้เล่ห์กลนิดหน่อยโดยไม่
ตอนผมอายุ 15 16 ปี ผมเรียนอยู่ในโรงเรียน ผมใช้เวลาตอนปิดเทอมหมดไปกั
วันหนึ่งผมตัดสินใจเข้าไปที
เขาพูดว่า “เด็กน้อย มาอีกครั้งพรุ่งนี้นะ ฉันจะเขียนบัตรผ่านให้และคุ
ผมเลยได้จัดเทศกาลหนังเล็กๆ
เขาพูดว่า “นายเก่งมาก ฉันหวังว่านายจะทำสำเร็จ แต่... เพราะว่าฉันเป็นเพียงแค่บรร
ดังนั้นวันต่อมา ผมเฝ้าสังเกตผู้คนว่าเขาแต่
ตลอด 3 เดือน ซึ่งเป็นวันหยุดปิดเทอมภาคฤ
สปีลเบิร์ก พูดหลายครั้งเกี่ยวกับเล่ห์
แน่นอนคุณอาจจะไม่ประสบความ
▶▷มากกว่าก็ไม่จำเป็นต้องมา
“งบประมาณที่ล้นเอ่อคือซากป
☆ มากกว่าก็ไม่ได้ทำให้ออกมาด
อาเมน
▶▷ความเครียดและความวิกลจริ
“มันคุณค่าเพราะว่า ตัวอย่างเช่นหนังเรื่อง Close Encounters ซึ่งเป็นหนังที่ผมเขียนและเ
ในการสัมภาษณ์ที่สปีลเบิร์ก
▶▷อะไรคือสิ่งที่พวกเราได้เ
สปีลเบิร์ก เป็นนักทำหนังที่มีเอกลักษณ
สิ่งที่หนังของเขาหลายเรื่อ
การอ้าปากค้าง เป็นหัวใจของการทำหนังของเข
แปลโดย A-Bellamy
ที่มา filmschoolrejects
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น